กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--กรมสรรพสามิต
สรรพสามิตร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติระดมกำลังปราบปรามน้ำมันเถื่อน จับกุมผู้กระทำผิดคดีน้ำมันรายใหญ่ขณะทำการขนย้าย ได้ของกลางเป็นน้ำมันดีเซล 2 คดีร่วม แสนลิตร
หลังจากที่กรมสรรพสามิตและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ร่วมกันประชุมและหารือแนวทางการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับคดีน้ำมัน ณ อำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการงานปราบปรามเกี่ยวกับการกระทำผิด เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงและนายสมชัย อภิวัฒนพร รองอธิบดีด้านการปราบปราม กรมสรรพสามิต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองหน่วยงานร่วมดำเนินงานตามมาตรการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2550 เวลา 04.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงาน สรรพสามิตชุดจับกุมได้รับรายงานจากสายลับ (ขอปิดนาม) ว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจะมีผู้ลักลอบนำ น้ำมันผ่านแดน (ถ่ายลำ) จากประเทศมาเลเซียเข้ามาทางด่านศุลกากรสะเดา ส่งให้กับลูกค้าที่ประเทศพม่าทางด่านศุลกากรจังหวัดระนอง แต่ลักลอบขนถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงระหว่างทางบริเวณเขตอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจและเจ้าพนักงานสรรพสามิตชุดจับกุมร่วมกันระดมกำลังตรวจสอบในเส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 41 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 262-263 ตำบลทุ่งใหญ่ อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พบรถยนต์บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าว จำนวน 2 คัน กำลังลักลอบขนถ่ายน้ำมัน เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงได้แสดงตัวขอเข้าไปตรวจสอบ พบผู้ต้องหาทั้งสองกำลังถ่ายน้ำมันและแกะซีลที่ฝาน้ำมัน จึงได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ดังนี้
1. นายล้าว ศรีทาดี อายุ 42 ปี ของกลางประกอบด้วย
1) น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล จำนวน 40,000 ลิตร บรรจุอยู่ในรถยนต์บรรทุกยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 70-0677 ชัยภูมิ ทะเบียนหางลาก 70-0678 ชัยภูมิ
2) เอกสารการขออนุญาตนำน้ำมันผ่านแดนต้นทางด่านสะเดาปลายทางด่านศุลกากรจังหวัดระนอง จำนวน 1 ชุด
3) ซีล สำหรับปิดผนึกฝาถังน้ำมันประจำรถ จำนวน 1 ชุด (ถูกถอดออกจากฝาถัง)
2. นายไพฑูรย์ โหจันทร์แสง อายุ 40 ปี ของกลางประกอบด้วย
1) น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล จำนวน 40,000 ลิตร บรรจุอยู่ในรถยนต์บรรทุกยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน 70-0673 ชัยภูมิ ทะเบียนหางลาก 70-0674 ชัยภูมิ
2) เอกสารการขออนุญาตนำน้ำมันผ่านแดนต้นทางด่านสะเดาปลายทางด่านศุลกากรจังหวัดระนอง จำนวน 1 ชุด
3) ซีล สำหรับปิดผนึกฝาถังน้ำมันประจำรถ จำนวน 1 ชุด (ถูกถอดออกจากฝาถัง)
4) น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซลบรรจุในถังเหล็ก ขนาดบรรจุ 200 ลิตร จำนวน 2 ถัง มีปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง 300 ลิตร
5) สายยางสำหรับดูดน้ำมัน จำนวน 1 เส้น
ผู้กระทำผิดทั้งสองได้กระทำการลักลอบนำสินค้าผ่านแดน (น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล) ซึ่งบรรทุกมากับ รถยนต์สำหรับบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงขนถ่ายระหว่างการขนส่งก่อนถึงด่านศุลกากรปลายทางตามที่ได้ระบุในเอกสารการขออนุญาตนำสินค้าผ่านแดนโดยผิดกฎหมายอันเป็นความผิดในฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งสินค้าอันตนรู้ว่าเป็นสินค้าที่ยังมิได้เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 มาตรา 161 (1) โดยมูลค่าภาษีเป็นเงินจำนวน 232,804 บาท (สองแสนสามหมื่นสองพันแปดร้อยสี่บาทถ้วน) และหากผู้กระทำผิดสามารถลักลอบนำไปจำหน่ายตามท้องตลาด และจากส่วนต่างของราคาน้ำมันในประเทศมาเลเซีย ราคาประมาณ 16 บาท/ลิตร จะทำให้เกิดรายได้แก่ผู้ประกอบการเที่ยวละประมาณ 640,000 บาท (หกแสนสี่หมื่นบาทถ้วน) ต่อคัน โดยจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการกระทำผิดในครั้งนี้เป็นเงินจำนวนประมาณ 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)
“หากทราบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต สามารถ แจ้งโดยตรงได้ที่กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตทุกแห่งทั่วประเทศ หรือที่ศูนย์ประสานงานกรมสรรพสามิต hot line 1713 หรือที่ www.excise.go.th หรือแจ้งที่ตู้ ป.ณ. 10 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพสามิต
โทร. 02-668-6619
โทรสาร 02-241-4778
Website: www.excise.go.th
e-mail: public@excise.go.th
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net