กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม
จุดเริ่มต้น-ที่มาที่ไปของโปรเจ็คต์นี้
ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ ผมว่าผมอยากเห็นอีกมุมหนึ่งของ “จีจ้า” ซึ่งหนังที่เขาเล่นมา 2 เรื่อง (ช็อคโกแลต, ดื้อสวยดุ) เขาค่อนข้างจะไม่ค่อยได้พูดหรือได้พูดน้อยมาก จะหนักไปทางเล่นแอ็คชั่นซะมากกว่าไง ผมเลยนึกไปนึกมาก็อยากเห็นจีจ้ามาเล่นแบบรักๆ หน่อย แบบโรแมนติกหน่อย น่ารักๆ ก็น่าจะเปลี่ยนลุคของเขาไปได้นะในความรู้สึก คืออยากเล่าเรื่องในพาร์ทความรักของเขา เป็นรักในอีกแง่มุมหนึ่งของเขาที่น่าจะสร้างสีสันการแสดงของจีจ้าได้มากขึ้น แต่ถามว่าแอ็คชั่นเราทิ้งมั้ย เราก็ไม่ได้ทิ้งไลน์แอ็คชั่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจีจ้าไปนะ ยังมีฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ สนุกๆ รายล้อมอยู่ตลอดเรื่องที่เป็นคอเมดี้แอ็คชั่นอะไรอย่างนี้
ความหมายของคำว่า “จั๊กกะแหล๋น”
จริงๆ ความหมายของมันก็คือความห้าว สวย แก่นแก้วอะไรพวกเนี่ยแหละ ซึ่งก็เป็นคาแร็คเตอร์ของจีจ้าในเรื่องเลยคือเป็นคนออกห้าวๆ แก่นๆ ท้าตีท้าต่อยมาตั้งแต่เด็กๆ แบบไม่กลัวใคร แต่มันก็มีความน่ารักความสวยความโรแมนติกอยู่ในตัวของมันเองนะ ทั้งหมดก็คือ จั๊กกะแหล๋น นี่แหละ
เรื่องราวของ “จั๊กกะแหล๋น”
ก็เป็นเรื่องของตัวจั๊กกะแหล๋นตามชื่อเรื่องเลย คือเราเล่นเป็นลุงของจั๊กกะแหล๋นตัวละครของจีจ้าไง เรื่องของเรื่องเนี่ยไอ้จั๊กกะแหล๋นมันดันไปแอบชอบนักดนตรีหนุ่มคนหนึ่งแต่เขาไม่ได้รักมันหรอก ส่วนเราก็จะคอยเชียร์ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เป็นพ่อครัวให้หลานตัวเอง แต่มันก็ดันไม่สนใจเค้าซักนิด แถมเรื่องยุ่งขึ้นไปอีกเพราะจั๊กกะแหล๋นมันยังไปทำงานรับจ้างส่งของโดยใช้จักรยานฟิคซ์เกียร์ให้พวกมาเฟีย จนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา จนเราต้องตามแก้ให้ตลอด ที่เล่านี่มันออกจะดราม่า แต่จริงๆ มันเป็นหนังตลกแล้วก็มีเรื่องรักกับแอ็คชั่นรวมอยู่ด้วยนะ สนุกเลยล่ะ
บทบาท-คาแร็คเตอร์ของพี่หม่ำ
ผมก็รับบทเป็น “ลุงแสวง” เป็นลุงของจั๊กกะแหล๋น ซึ่งผมเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ลุงแสวงก็ค่อนข้างจะเป็นคนนิ่งๆ เครียดๆ หน่อยนะ จะซีเรียสกับหลาน เพราะไม่อยากให้หลานมาทำงานแบบนี้ไง คือแบบอยากให้หลานเป็นผู้หญิงทั่วไปที่เขาเป็นกัน ขายของขายข้าวแกงอะไรก็ว่าไป แต่กลับไม่เอา ดันไปทำงานเหมือนผู้ชาย เราก็เลยไม่ชอบ รู้สึกว่าหลานไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทีเราก็รู้สึกน้อยใจเวลาหลานพูดแบบลุงไม่ใช่พ่ออย่ามาสั่งสอนหนูมาก เราก็รู้สึกน้อยใจ เพราะเราเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ลุงแสวงก็มีแบ็คกราวด์ที่น่าสนใจต้องติดตามดูในเรื่องเอาเอง
คาแร็คเตอร์ของจั๊กกะแหล๋นเป็นยังไง
ก็อย่างที่บอกไป ห้าวๆ แก่นๆ ดื้อๆ ไม่ฟังใคร เพราะเขาคิดว่าเขาทำถูกไง แต่ในที่สุดเมื่อมีปัญหามาเราก็ต้องตามแก้ให้ แต่เรื่องนี้จีจ้าจะเล่นต่างไปจากเรื่องอื่นแบบสุดๆ เลย เป็นความน่ารักของเค้าเลย มีเล่นมุกตลก แล้วก็แอ็คชั่นสไตล์จีจ้าด้วย
นอกจากแอ็คชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของจีจ้าแล้ว ยังมีความพิเศษอะไรของจีจ้าอีกบ้าง
ผมว่าก็น่าจะเป็นเรื่องของความรักของจีจ้ามากกว่า เป็นเรื่องโรแมนติกของจีจ้า ซึ่งผมว่าเรื่องนี้เนี่ยจีจ้าพูดเยอะที่สุดแล้ว เขาเล่นหนังมาเรื่องนี้เรื่องที่ 3 เนี่ย ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาพูดเยอะ พูดมากที่สุด แล้วก็มีปล่อยมุกตลกโดยที่เค้าไม่รู้ตัวด้วยนะ จีจ้าเนี่ยเค้าชอบหลุดขำอยู่ตลอดด้วย เขาก็อยากเล่นตลกเองด้วย แต่ก็ต้องคอยบอกมุกเค้า จีจ้าเป็นคนที่ขำง่ายไง เป็นคนที่แบบขี้ตลก พูดอะไรก็หลุด เทคบ่อย เวลาเล่นๆ ไปบางทีเราเล่นไปตามภาษาเรานั่นแหละ แต่เค้าก็แอบอมยิ้มขำหลายช็อตหลายซีน อย่างแค่คำว่าชนช้างเฉยๆ เขาก็ยังขำเลย ชนช้างคืออะไร ต้องอธิบายให้ฟัง เค้าก็จะอ๋อ...แล้วก็ขำของเค้าไป
ก็คือมุกส่วนใหญ่เป็นมุกสดเลย
ใช่ มุกสดหน้ากองเลย บอกให้เขาเล่นแบบนี้ๆ นะ เหมือนมีอยู่มุกหนึ่งที่ด่า “ด่วน” ว่า ไม่ดูสารรูปตัวเองหน้าตาก็ไม่ดีอยู่แล้ว ถามจริงกินรกแม่ป่ะเนี่ย ที่อ้วนๆ เนี่ยกินน้ำคร่ำแม่ใช่มั้ย ออกแนวขวางใช่มั้ยหน้าตามันถึงเป็นแบบนี้ เขาเล่นไปก็ยิ้มไป หลุดขำหลายเทคเลย ยิงมุกนึงเขาก็ขำตัวเขาเองตลอด แต่บางมุก อารมณ์หลุดขำมันได้ตามความรู้สึกของเรา ตามความหมายของเรา เราก็ให้ผ่านไปเลย ให้เล่นทั้งยิ้มๆอย่างนั้นแหละ
เห็นพี่หม่ำคิดสโลแกนให้จีจ้าในเรื่องนี้ว่า ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อแอ็คชั่น เพื่อตามหาความรัก และก็เพื่อฆ่าตุ๊กกี้ อันนี้หมายถึงอะไร
ก็คือมันเหมือนแบบเค้าจะมีแก๊กตลกของเขาอยู่นะ แต่เขาไม่รู้ตัว แต่ว่าคือเขาเล่นด้วยความรู้สึกของเข าจีจ้าเล่นแบบนี้ๆ เขาก็เล่นไป ยิ้มไป ขำของเขาไป ก็คือจีจ้าทั้งเรื่องจะเป็นคนตลกแบบน่ารักๆ ใสๆ คือเขาไม่รู้ตัวหรอก ต้องไปดูในหนัง เขาจะน่ารักแบบสโลแกนเลย ในเรื่องก็จะมีทั้งเรื่องความรัก แอ็คชั่น แล้วก็ฮาแบบไม่รู้ตัว อย่างที่บอกเรื่องนี้เขาพูดมากที่สุด พูดเยอะที่สุดแล้ว ได้แสดงอารมณ์ ได้เห็นจีจ้าอมยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ มีหมดในตัวจั๊กกะแหล๋นเนี่ยแหละ
จริงๆ แล้วเนี่ย จีจ้าเขาเป็นคนที่มีแอ็คแบบธรรมชาติมากเลยนะ ไดอะล็อกของเขาดีมากเลยนะ เขาเข้าใจมากเลยนะ เหมือนเวลาเขาเล่นอะไรเนี่ยเขาไม่เขินกับคำพูดไง ซึ่งน้อยคนนะที่เล่นแอ็คชั่นแล้วพูดเก่งเนี่ยมีไม่กี่คนหรอกแม้แต่ระดับโลกด้วยเล่นแอคชั่นแล้วพูดไม่ค่อยเก่ง ไดอะล็อกไม่ค่อยได้ แต่จีจ้าเขาโอเคใช้ได้เลย
แล้วถ้าพูดถึงฉากแอ็คชั่น มีอะไรที่เป็นพิเศษต่างจากเรื่องอื่นมั้ย
ที่เด่นๆ เลยก็จะมีคิวจักรยานที่เป็นแอ็คชั่นจักรยาน Fixed Gear ก็แปลกไปอีกแบบหนึ่ง ที่เล่นกับจักรยานเพราะในเรื่องนี้ ตัวจั๊กกะแหล๋นเป็นคนชอบขี่จักรยานตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาก็สามารถใช้จักรยานเป็นอาวุธได้ ซีนแอ็คชั่นเกี่ยวกับจักรยาน ก็มีพี่พันนากับพี่ใจและก็ทีมงานเค้าช่วยดูแลดีไซน์แอ็คชั่นให้ ก็จะแปลกตากว่าเรื่องที่ผ่านๆ มา ก็จะประมาณว่า เล่นกับโซ่, น็อต, ล้อรถ, จานตะเกียบจักรยาน คือใช้ทุกอุปกรณ์ของจักรยานดัดแปลงเป็นอาวุธในฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้ได้ ก็จะมีแอ็คชั่นสนุกๆ อยู่หลายฉากเลย ต้องลองไปดูกัน ก็จะตลกด้วยสนุกดีด้วย
ยังมีคาแร็คเตอร์อีกหลายตัวที่มาช่วยสร้างสีสันในเรื่องอีกเยอะแยะเลย
ก็จะมี “จ๊ะ อธิศ” ที่เป็นตัวละครที่จีจ้าแอบชอบ เขาก็จะเล่นเป็น “พงษ์” นักดนตรีที่อยู่ข้างบ้าน เขาก็เล่นไปตามภาษาเขา แต่ว่าจั๊กกะแหล๋นดันเกิดไปชอบเขาเข้า แต่สุดท้ายจะได้กันหรือเปล่าต้องลุ้นดูครับ จ๊ะเล่นโอเคเลยนะ ก็น่ารักดี ทำอะไรเขาก็โอเคนะ เป็นนักแสดงชัดเจนมาก ก็ดูจากหน้าเขาด้วยหน้า เขาเป็นคนตัวเล็กๆ และผมยาวๆ เหมือนที่เรามองต้องเป็นนักดนตรีเท่ๆ อาร์ทๆ เซอร์ๆ ด้วย ก็ตรงกับคาแร็คเตอร์ในเรื่องด้วย
แล้วก็จะมีแก๊งจีจ้าอีก 3 คน เริ่มจาก “ตั๊ก บริบูรณ์” เล่นเป็น “ไอ้แนว” โห...คนนี้ต้องควบคุมเขาให้ดีเล่นอะไรก็เล่นของเขาไปเรื่อย ให้เล่นห้าเขาเล่นไปร้อย ตอนตัดยังงงกับเขาอยู่เนี่ยจะเอาอันไหนเข้าอันไหนออกดี เล่นไปเรื่อย อยากเล่นอะไรก็เล่น เขาไม่ได้ห่วงคนตัดคนอะไรนะปวดหัวกับเขา มาเต็มตลอดทุกคัททุกซีนเขาเข้าฉากกับผม เขาขำของเขาอยู่คนเดียว เขาเล่นไปเขาชอบยิ้มไง เขาเล่นและเขาขำมุขของเขาไง คือเขาไม่ได้รู้หรอกว่าเราเนี่ยไม่ได้ขำอะไรกับเขาเลย คือเขาอยากเล่นแล้วไม่ดูอะว่าเราจะขำหรือไม่ขำไงคือเขาเล่นไปก่อนไง ล้นตลอด ร่วมงานกับตั๊กเป็นเรื่องที่ 2 แล้วหลังจาก “วาไรตี้ผีฉลุย” คือเขาอยากเล่นอะไรเขาก็เล่น สังเกตดูในหนัง เวลาจะเล่นมุขอะไรจะอมยิ้มตลอด แต่ก็สนุกตามสไตล์เค้าดี
“พี่ค่อม” นี่ตัวพ่อเลย มาเล่นเป็น “พี่สำเริง” เป็นลูกพี่ เป็นหัวหน้าแก๊งของจั๊กกะแหล๋น จะเป็นคนคอยบอกเรื่องงานว่าจะส่งของส่งอะไรไปให้ใคร จุดเด่นของพี่ค่อมในเรื่องเนี่ยจะเป็นคนเจ้าแฟชั่นมากๆ ชอบแต่งตัวแบบแปลกๆ ตามสไตล์เขาในเรื่องเลย การร่วมงานกับพี่ค่อมก็โอเคเลยสนุกสนานอยู่แล้ว ไม่ได้ถ่ายก็นั่งคุยนั่งอำกันตามภาษา สนุกสนานไป พี่ค่อมเป็นคนร่าเริง เป็นคนไม่เครียด เรื่องนี้พี่ค่อมแทบจะไม่ต้องพูดเลย แค่เห็นแต่งตัวก็จบเลย เสื้อผ้าเขาจบเลย ไม่ต้องพูดอะไรเลยเพราะเราดีไซน์ไว้หมดแล้ว แต่ว่ายิ่งถ้ายิ่งพี่ค่อมพูดยิ่งฮาไปกันใหญ่เลย
อีกคนก็คือ “เหลิม” ที่เล่น “วงษ์คำเหลา” ก็มาอยู่ในแก๊งด้วย เหลิมเขาจะเล่นเป็น “ด่วน” สุดยอดพ่อครัวคอยทำกับข้าวส่งข้าวส่งน้ำให้ลุงแสวงและจั๊กกะแหล๋นเป็นประจำ แล้วก็แอบหลงรักจั๊กกะแหล๋นมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เราก็เห็นความดีงามของไอ้ด่วน คอยเชียร์คอยลุ้นให้หลานตัวเอง แต่มันก็ไม่สนใจ อืม...จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ชอบมองมุมกลับ เรื่องนี้เหลิมหล่อมาแต่ไกลเลย เรื่องนี้เสื้อผ้าเขาเกาหลีอินเทรนด์เลยนะ ทรงผมเป๊ะๆ เสื้อผ้ากางเกงดีไซน์เป็นแบบหล่อเนี้ยบเลย หล่อกว่าทุกเรื่องที่เขาเล่นมาเลย
นอกจากทีมนักแสดงหลักนี้แล้ว ยังมีกองทัพตลกมาสร้างสีสันด้วย
ใช่ มาเล่นกันเยอะแยะ ในฉากต่อสู้ในโกดังใหญ่ ก็จะมีครอบครัวชวนชื่น พ่อดม, จิ้ม, จอย, แจ๊ส, นุ้ย เชิญยิ้ม, ตั๊ก ศิริพร, พี่แอนนา มกจ๊ก และอีกหลายคนเลย กว่าจะมารวมตัวกันได้ก็ลำบากน่าดู แต่พอมารวมกันได้ก็สนุกกันใหญ่เลย ปล่อยมุกกันระนาว บรรยากาศก็สนุกดีเพราะเจอแต่แก๊งเพื่อนๆ กันทั้งนั้น
อ้อ แล้วก็ยังมีแก๊งตัวร้ายผู้หญิงของตั๊ก ลีลาด้วยนะ ก็จะมี “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” ที่สวยๆ น่ารักๆ แล้วก็เล่นสตั๊นท์ชกต่อยได้ทะมัดทแมง เก่งเลยล่ะ ก็จะเป็นคู่ปรับกับจีจ้าเค้า เป็นแอ็คชั่นผู้หญิงน่ารักสองคนสู้กัน ดูสนุกสบายตาถูกใจมากๆ ครับ (ยิ้มกว้าง)
เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างไร
มันก็จะเป็นคอเมดี้แอ็คชั่นที่มีโรแมนติกเข้ามาด้วยนี่แหละ มันมีความรักเข้ามาไม่เหมือนทุกๆ เรื่องไง อย่าง “บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม” มันก็แอ็คชั่นอย่างเดียวเลย เรื่องอื่นๆ ก็จะหนักคอเมดี้ มันไม่เหมือนอันนี้ เรื่องนี้มันแบบมีเรื่องรักกุ๊กกิ๊กเข้ามาด้วย โรแมนติกที่สุดตั้งแต่ที่กำกับมาเลยจะว่างั้นก็ได้ เพราะผมอยากให้เห็นแง่มุมความรักของจีจ้าที่มันน่ารักสดใส แถมยังเล่นตลกขำขำได้ด้วย คือเรื่องนี้นอกจากจะเห็นจีจ้าแอ็คชั่นแล้ว ยังเห็นจีจ้าในมุมของคอเมดี้ด้วย พี่ก็สอน แสดงให้ดู และใส่มุกให้เค้าเล่นเยอะแยะเลย เค้าก็ขำเล่นไปก็ยิ้มไป เล่นไปก็เทคไปอย่างที่บอก ร่วมงานกับจีจ้าในเรื่องนี้คือราบรื่นสนุกดี จริงๆ ผมทำหนังกับใคร ผมไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหรอก คือสนุกสนานกันเนี่ย ฮาอย่างเดียว อืม...ผมทำงานไม่เคยซีเรียสหรอกไม่เชื่อถามเด็กๆ ในกองได้
การกำกับเรื่องนี้มีความยากง่ายอย่างไร
จริงๆ มันก็จะยากตรงแอ็คชั่นนี่แหละ เพราะมันมีนู่นมีนี่มาเพิ่มเรื่อย เราต้องเวิร์คช็อปมาก่อน แล้วพอถึงหน้ากองก็ต้องซ้อมคิวให้ชัวร์ๆ มันก็เลยทำให้ช้าได้ คือทำหนังที่ฉากแอ็คชั่นก็ต้องทำใจนิดนึง คนที่ทำหนังแอ็คชั่นต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูงเลยนะผมว่า บางทีนั่งรอหลับคากองไปเลยก็มี
บางทีก็มีพลาดคิวกันนิดหน่อย อย่างฉากของผมโดยไม้อัดตีหัว ขนาดไม้อัดที่บล็อกมาเป็นโฟมนะมันตีและหักโดนเนี่ยมึนเหมือนกันเลยนะ นี่ขนาดเป็นไม้โฟมนะมันยังมึนเลยเพราะมันตีแรงด้วย อย่างจีจ้าก็ขาเดี้ยงไปทีสองที...ขาเดี้ยงผิดคิวกันไปบ้าง
เสน่ห์หรือความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้
ผมว่าด้วยชื่อของหนังและก็ตัวจีจ้าและก็ตัวผมด้วย รวมถึงตัวนักแสดงสมทบทั้งหมดก็น่าสนใจมากๆ แล้ว ยิ่งได้จีจ้ามาเปลี่ยนคาแร็คเตอร์แสดงบทน่ารักๆ ด้วยยิ่งขำยิ่งฮายิ่งสนุกยิ่งน่าสนใจไปกันใหญ่เลย เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แปลกแตกต่างฉีกไปจากตัวผมไกลอยู่เหมือนกัน เพราะเอาจีจ้ามาเล่นพลิกบทบาทเนี่ย มันก็ต้องแบบมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ นอกจากจะมีแอ็คชั่นแล้วยังมีตลก มีเรื่องของความรัก เรื่องราวซึ้งๆ หลายรสชาติมากครับเรื่องนี้ ก็อยากให้ทุกท่านไปชม “จั๊กกะแหล๋น” เป็นภาพยนตร์กำกับเดี่ยวเรื่องที่ 7 ของผมแล้วครับ หวังว่าทุกท่านคงจะไปดูกันสนุกสนานเหมือนเดิมครับ มีครบรสชาติ แอ็คชั่นก็มี รักๆ ก็มี โรแมนติกก็มี ซึ้งก็มี ตลกฮาจริงๆ สวัสดีครับ