กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--ตลท.
ตามที่บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด (มหาชน) (THL) ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 ฉบับที่ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีมายังตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 ปรากฏว่าบริษัทมีขาดทุนสุทธิ 29.53 ล้านบาท โดยที่งบการเงินประจำปี 2549 ฉบับที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีมีกำไรสุทธิ 6.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นขอย้ายกลับหมวดปกติโดยใช้ข้อมูลจากงบการเงินประจำปี 2549 ประกอบการพิจารณา ซึ่งในการขอย้ายกลับหมวดปกตินั้น บริษัทต้องมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในธุรกิจหลัก 3 ไตรมาสติดต่อกันหรือ 1 ปีก่อนยื่นคำขอ ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิในปี 2549 เท่ากับ 6.09 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ของ THL ได้ย้ายจากกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน (Non-Performing Group : NPG) กลับไปซื้อขายยังหมวดปกติ คือ หมวดเหมืองแร่ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2550
ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานที่บริษัทเริ่มมีรายได้เชิงพาณิชย์จากการขายทองคำคือในไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 (Q3/49) เป็นต้นมา โดยบริษัทมีกำไรสุทธิในงวด Q3/49 และ Q4/49 เท่ากับ 16.42 และ 50.88 ล้านบาท ตามลำดับ
ในขณะที่ Q1/50 มีผลขาดทุนสุทธิ ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้บริษัทนำส่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดรายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเหมืองทองคำในแต่ละงวดดังกล่าว เพื่อให้เข้าใจถึงผลประกอบการที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและเพื่อพิจารณาประกอบคำชี้แจงของบริษัทเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงวด Q1/50 ตามสารสนเทศที่บริษัทได้ชี้แจงในระบบ SETSMART เมื่อวันที่ 14 และ15 พฤษภาคม 2550
ตลาดหลักทรัพย์ขอสรุปข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทดังนี้
หน่วย : ล้านบาท
Q3/49 Q4/49 Q1/50
Gold Production : ออนซ์ 5,685 6,503 5,079
Gold Sales : ออนซ์ 4,919 6,885 5,426
Avg Price of Gold Sales
(ออนซ์ต่อเหรียญสหรัฐ) 585.94 631.83 660.12
รายได้จากการขายทองคำ 100.35 169.13 127.52
ต้นทุนการผลิตทองคำ 44.42 79.31 88.24
กำไรขั้นต้น (%) 56 53 31
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 29.40 22.78 48.79
- ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงิน
ค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษากฎหมาย - - 16.20
ส่วนแบ่งผลผลิตที่ตั้งต่ำไปของปีก่อน - - 4.07
ดอกเบี้ยจ่าย 11.03 11.79 15.06
กำไรสุทธิ 16.42 50.88 (29.53)
1.บริษัทมีรายได้จากการขายทองคำใน Q4/49 เท่ากับ 169.13 ล้านบาท ในขณะที่ Q1/50 บริษัทมีรายได้จากการขายทองคำเท่ากับ 127.52 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอดขายที่ลดลง เนื่องจากบริษัทผลิตทองคำได้น้อยลง เพราะปริมาณทองคำในสินแร่ที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตลดลงจาก 2.8 กรัมต่อตันในงวด Q4/49 เหลือ 1.6 กรัมต่อตันส่งผลให้ต้นทุนการทำเหมืองเพิ่มขึ้นจากคุณสมบัติของแร่ที่เป็นชั้นหิน ซึ่งแตกต่างจาก Q4/49 ที่เป็นหน้าดินและยังส่งผลให้ต้นทุนของโรงแต่งแร่ทองคำเพิ่มขึ้น เพราะต้องใช้ระยะเวลาการบดแร่ ใช้สารเคมีสกัดทองคำออกจากแร่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนต้นทุนในการบำบัดน้ำและสารเคมี ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานในงวด Q1/50 ลดลงจาก Q4/49 อย่างมีนัยสำคัญ
2.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในงวด Q4/49 เท่ากับ 22.79 ล้านบาท ในขณะที่ Q1/50 เท่ากับ 48.79 ล้านบาท เนื่องจากในงวด Q1/50 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานผู้บริหาร ค่าที่ปรึกษา ค่าจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายเดินทาง ค่าซ่อมแซมยานพาหนะเพิ่มขึ้น แต่สาเหตุสำคัญเนื่องจาก
2.1 การบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงิน ค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษากฎหมายรวม 16.20 ล้านบาท ซึ่งเดิมบริษัทได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายโดยการทยอยบันทึกตลอดอายุของสัญญาเงินกู้ยืมเป็นเวลา 48 เดือน ซึ่งเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้สอบบัญชีได้พิจารณาและให้ความเห็นว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าวต้องมีการบันทึกทั้งจำนวนในงวดเดียวกัน
ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามหลักการบัญชีที่ถูกต้อง บริษัทจึงบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวใน Q1/50 อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาสเดียวเท่านั้น ตามที่บริษัทได้ชี้แจงผลการดำเนินงาน (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2550
2.2 การบันทึกค่าใช้จ่ายส่วนแบ่งการผลิตของปี 2549 ให้กับกระทรวงการคลัง 4.07 ล้านบาท ซึ่งบริษัทไม่ได้บันทึกไว้ในงบ Q4/49 เนื่องจากยังไม่ได้ข้อสรุปในรายละเอียด
การจัดเก็บกับกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ซึ่งบริษัทได้มีการลงนามในสัญญาการกำหนดขั้นตอนการแบ่งผลผลิตกับ กพร.เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2550 หากบริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวในปี 2549 จะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงจาก 6.09 ล้านบาทเหลือ 2.02 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังคงมีกำไรสุทธิในปี 2549