กรุงเทพฯ--8 ม.ค.--ปตท.
มีผลวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปตท.ได้เป็นผู้นำลดราคาน้ำมันดีเซลลงไปแล้ว 40 สตางค์ ผลจากความอบอุ่นของอากาศในภูมิภาคต่างๆ
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคได้รับข่าวดีมาตลอดในช่วงสัปดาห์แรกของต้นปีนี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มอ่อนตัวลง โดยในวันนี้ (8 ม.ค.50) น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ระดับ 52.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 อยู่ที่ระดับ 61.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 64.85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ ปตท. สามารถพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิดรวมทั้งแก๊สโซฮอล์ลงได้ 50 สตางค์/ลิตร ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. ศกนี้ (เวลา 05.00 น.) เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันในเขต กทม. และปริมณฑล เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 25.99
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 24.49
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 25.19
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 22.94
น้ำมัน พีทีทีไบโอดีเซล / น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 22.44
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันเริ่มอ่อนตัวลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดลงจากสภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติในประเทศแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชียเหนือ และนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกและสหรัฐฯ ในปี 2550 นี้จะชะลอตัวลง สำหรับในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปเบนซินนั้นนอกจากปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นมาเสริมเช่น อินโดเนีเซีย ในฐานะประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ในภูมิภาคได้ลดปริมาณการนำเข้าลงประมาณ 20% (อยู่ที่ระดับ 200,000 บาร์เรล) เป็นต้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงสัปดาห์แรกของปีนี้ ปตท. ได้นำร่องลดราคาน้ำมันถึง 2 ครั้ง ในช่วง 3 วัน กล่าวคือ ในวันเสาร์ที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้ลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลลง 40 สตางค์/ลิตร และครั้งนี้ก็นำลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลงอีก 50 สตางค์/ลิตร ซึ่งก็ขอยืนยันในนโยบายที่ชัดเจน ปตท. พร้อมและเป็นผู้นำในการปรับลดราคาลงทันทีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงเพื่อสะท้อนตามต้นทุน และจะเป็นรายสุดท้ายที่พิจารณาปรับขึ้นราคาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่จะทำให้ราคาน้ำมันกลับมามีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีก เช่น ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและสหประชาชาติเรื่องการทดลองนิวเคลียร์ของอิหร่าน และข่าวการลักพาตัวตัวแรงงานจีน 5 คน ในไนจีเรียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อเรียกค่าไถ่อาจส่งกระทบต่อปริมาณการผลิตของไนจีเรียด้วย