กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--คิง เพาเวอร์
นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร และนายสมบัตร เดชาพานิชกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อบ่ายวานนี้ (29 มกราคม) ที่ทำการสำนักงานใหญ่ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ โดยคณะผู้บริหารได้กล่าวถึงการเข้าประมูลเพื่อดำเนินการบริหารพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์และการดำเนินธุรกิจร้านปลอดอากร ภายในท่าอากาศยานสุววรรณภูมิว่า ในส่วนของการบริหารพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์นั้น ก่อนประมูลทาง ทอท. ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนกับผู้สนใจเข้าร่วมประมูลว่า สัญญานี้ไม่ได้เข้าข่าย พรบ. ร่วมทุนปี 2535 ซึ่งการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่นั้น นักลงทุนทุกคนจำเป็นต้องรับทราบข้อมูลและต้องศึกษาถึงรายละเอียดของโครงการอย่างชัดเจน และโปร่งใส เพื่อความมั่นใจเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ ต้องกู้เงินจากสถาบันการเงิน และในส่วนของคิง เพาเวอร์ เองนั้น ที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้องมาโดยตลอด ซึ่งเป็นไปตามกติกาของ ทอท.
ส่วนกรณีเงิน 2,000 ล้านบาทที่หลายฝ่ายมีข้อสงสัยกันนั้น ทางคณะผู้บริหารได้ชี้แจงให้ทราบว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทเห็นว่า ทอท. มีปัญหาสภาพคล่อง ซึ่งหากบริษัทชำระเงินตอบแทนล่วงหน้าให้ไปก่อน จะทำให้ ทอท. นำไปพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เร็วขึ้น ซึ่งเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินเพิ่ม แต่เป็นเงินที่ในอนาคตที่บริษัทชำระไว้ล่วงหน้า และเงินจำนวนดังกล่าว ทางบริษัทได้ชำระเป็นแคชเชียร์เช็คในวันทำสัญญาคือ วันที่ 25 มีนาคม 2548 และบริษัทได้รับใบเสร็จรับเงินชัดเจน
ในส่วนของขนาดพื้นที่ คิง เพาเวอร์ ได้วัดขนาดพื้นที่ร่วมกับ ทอท. เมื่อปลายปีที่ผ่านมา พบว่า ทั้งสองสัญญาใช้พื้นที่รวมกันที่ 30,563.41 ตารางเมตร เกินจากสัญญา 5,563.41 ตารางเมตร ซึ่งคิง เพาเวอร์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้กับ ทอท. เพิ่มขึ้นตามสัญญารวม 1,156 ล้านบาท "การใช้พื้นที่ การกำหนดจุดร้านค้าใดๆ รวมถึงการเข้าพื้นที่เพื่อตกแต่ง ทุกครั้ง คิง เพาเวอร์ได้รับการอนุมัติอย่างถูกต้องจาก ทอท. ซึ่ง ทอท. ทราบมาตลอดว่า พื้นที่ทั้งหมดเกินมาเท่าไร" นายวิชัยกล่าวและว่า ล่าสุดเมื่อ 24 มกราคม ทางบริษัทได้รับหนังสือแจ้งจาก ทอท. ว่ามีนโยบายจะเข้าไปวัดพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้จะมีผู้แทนจากสมาคมสถาปนิกสยามเข้าร่วมด้วย ซึ่งบริษัทก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ แต่ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อในรายละเอียดถึงวันและเวลาที่จะเข้าวัดพื้นที่ ทั้งนี้ คิง เพาเวอร์พร้อมรับนโยบายไม่ว่าจะการกลับไปสู่จุดเดิมคือทั้งสองสัญญาต้องมีพื้นที่รวมกันที่ 2.5 หมื่นตารางเมตร หรือการชำระเงินตอบแทนขั้นต่ำเพิ่มเติมก็ตาม ซึ่งหากเป็นไปในแนวทางแรก ต้องยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แต่เฉพาะคิง เพาเวอร์ แต่ประเทศชาติก็จะสูญเสียรายได้ไปอีกปีละประมาณ 5 พันล้านบาท รวมถึง ทอท. เองก็จะสูญรายได้ไปอีกปีละกว่า 1 พันล้านบาท
พิริยาพรรณ ไทยสุริโย
Piriyapandh T.
Corporate Public Relations Department
King Power Group of Companies
Tel. 66-2677-8654
Fax. 66-2245-8006
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net