กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
โครงการ “โรงเรียนที่มีการบริหารจัดการแบบพึ่งตนเอง” ที่โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ จังหวัดสระบุรี ภายใต้การริเริ่มและสนับสนุนของบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ซึ่งมีเจตนารมณ์มุ่งเน้นความพอเพียงและมีขีดความสามารถและทักษะในการเป็นผู้ประกอบการที่ดี และด้วยแนวคิดนี้ทำให้โครงการโรงเรียนที่มีการบริหารจัดการแบบพึ่งตนเองของประเทศไทยของโรงเรียนโป่งเกตุ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 4 โครงการยอดเยี่ยมจากโครงการที่ส่งเข้าประกวดจากไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศทั่วโลก และได้รับรางวัล ING Global Awards 2011 ภายใต้โครงการ ING Chances for Children ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเลือกให้เข้าร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมจัดโดยองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับไอเอ็นจี กรุ๊ป ที่ประเทศแซมเบีย
ภากร จูอนุวัฒนกุล หัวหน้าโครงการในการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ประเทศไทย ได้เดินทางร่วมกับตัวแทนของประเทศที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอีก 3 ประเทศ คือ เม็กซิโก ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ไปประเทศแซมเบีย เพื่อเข้าร่วมโครงการสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ที่เมืองลัวปูลา ซึ่งตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแซมเบีย
แซมเบียนับเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ในทวีปแอฟริกาตอนใต้ ชาวแซมเบียมีอัตราผู้ติดเชื้อโรคเอดส์และโรคมาเลเรียสูงเป็นอันดับต้นของโลกโดยประชากรมีอายุเฉลี่ยเพียง 44 ปี ด้วยปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจที่ยังรุมเร้า ทำให้แซมเบียจึงยังต้องการความช่วยเหลือจากนานาชาติ ซึ่งยูนิเซฟนับเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในงานด้านการศึกษาและสาธารณสุขของแซมเบียโดยได้รับ การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาคส่วนต่างๆ รวมทั้ง ไอเอ็นจี กรุ๊ป ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ยูนิเซฟและไอเอ็นจี กรุ๊ป ได้ดำเนินโครงการสร้างโรงเรียนกว่า 20 แห่งในแซมเบีย เพื่อรองรับเด็กกว่า 10,000 คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ รวมทั้งการสร้างบ่อน้ำให้ชุมชนและสถานฟื้นฟูบำบัดสำหรับเด็กและสตรีที่ถูกทารุณกรรม
ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของ “การศึกษา” ไอเอ็นจี กรุ๊ป ได้ให้ความช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ ทั่วโลก โดยไอเอ็นจีได้บริจาคเงินไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 17,211,000 ยูโร หรือประมาณ 722,862,000 บาท และได้หยิบยื่นโอกาสให้เด็กได้รับการศึกษาแล้วกว่า 573,700 คนทั่วโลก
“ไอเอ็นจี กรุ๊ป นับเป็นพันธมิตรที่ดีของยูนิเซฟในการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมหลายๆ ด้าน ไอเอ็นจีตระหนักถึงความสำคัญและให้ความสนใจในการทำงานของยูนิเซฟ เพื่อตอบสนองต่อภารกิจของยูนิเซฟ สำหรับโครงการนี้ พนักงานของไอเอ็นจีทั่วโลกให้การสนับสนุนยูนิเซฟในการพัฒนาเด็กแซมเบียให้มีสภาพชีวิตที่แตกต่างและดีขึ้นจากเดิม และสิ่งนี้ทำให้เรามีความภูมิใจในการร่วมเป็นพันธมิตรกับไอเอ็นจี” นิชชา แบกเคอร์ ผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาพันธมิตร ประจำยูนิเซฟ ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าว
ในการเตรียมตัวเพื่อเดินทางไปแซมเบีย ภากรต้องเตรียมตัวในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคก่อนการเดินทางซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เช่น ไข้เหลือง มาเลเรีย เพราะแซมเบียยังมีการระบาดของโรคที่มียุงเป็นพาหะ หลังจากการเดินทางข้ามทวีปกว่า 13 ชั่วโมงจนถึงแซมเบีย ภากรต้องเดินทางด้วยรถ 4WD ของยูนิเซฟด้วยระยะทางทั้งสิ้นกว่า 1,400 กิโลเมตรจากกรุงลูซากา เมืองหลวง เพื่อไปเมืองลัวปูลา ซึ่งอยู่ติดชายแดนของประเทศคองโก เขาได้มีโอกาสพบกับเจ้าหน้าที่จากหลายชาติและหลายองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่ต้องการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น รวมถึงการได้สัมผัสกับเด็กและชาวบ้านชาวแซมเบียซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและด้อยโอกาส
“ผมประทับใจกับทริปนี้มาก ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ผมได้มีโอกาสไปทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคมในสถานที่น้อยคนนักจะเข้าถึงได้ ถึงแม้จะเหนื่อยยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่ อีกทั้งที่พักที่น้ำและไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง และการใช้ชีวิตอยู่ช่วงสั้นๆ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันแร้นแค้น แต่ผมก็ดีใจครับที่ได้เห็นว่า ความช่วยเหลือของพวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาเหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาที่เป็นสิ่งที่ไอเอ็นจี กรุ๊ป มุ่งเน้นเพราะเราเชื่อมั่นว่า การศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยเปิดโอกาสที่ดีให้กับเด็กทุกคน เป็นเครื่องมือขจัดความยากจน และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ ซึ่งเด็กแซมเบียก็มีความต้องการเรียนหนังสืออย่างมาก ต้องเดินเท้า 10-20 กิโลเมตรเพื่อมาโรงเรียน ต้องผ่านทุ่งหญ้าที่มีอันตราย ซึ่งเจ้าหน้าที่เล่าว่า มีเด็กถูกสิงโตฆ่าตายระหว่างมาโรงเรียน ผมประทับใจในความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของพวกเขา” ภากรกล่าว
“แซมเบียเป็นประเทศที่ขาดการศึกษา และมีปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค โรคระบาด โดยเฉพาะโรคเอดส์ ที่ชาวบ้านมีความเชื่อผิดๆ ในการรักษาโรค เช่น วิธีการรักษาโรคเอดส์โดยการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กสาวบริสุทธิ์ ซึ่งยิ่งทำให้โรคเอดส์มีการระบาดและแพร่กระจายไปอย่างมากมาย ทำให้เรามองเห็นความสำคัญของการศึกษามากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไอเอ็นจีมุ่งเน้น”
“หลังจากที่ได้สัมผัสกับชีวิตผู้คนมากมาย และได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ผมเชื่อว่า ความคิดของผมเองได้เปลี่ยนไปบ้างไม่มากก็น้อย เช่น ถ้ามองในด้านของเด็กๆ แซมเบียเหล่านั้นแทบไม่มีอะไรจะกิน แต่มีความต้องการเรียนหนังสือ ผมมองว่า ถ้าคุณเองคิดว่าชีวิตคุณไม่สมบูรณ์แบบ แล้วมานั่งระทมทุกข์กับมัน เราน่าจะมาดูตัวอย่างจากเด็กเหล่านั้น ผมอยากให้ทุกคนมาเห็นอย่างที่ผมได้เห็น แล้วชีวิตของคุณจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป” ภากรกล่าว
ที่มาของโครงการ Chances for Children และโครงการ “โรงเรียนที่มีการบริหารจัดการแบบพึ่งตนเอง”ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา ไอเอ็นจีกรุ๊ปจึงดำเนินโครงการ ING Chances for Children ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนทั่วโลกมีโอกาสพัฒนาการศึกษาเพิ่มพูนความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองสู่อนาคตที่ดีขึ้น โดยพนักงานของ ไอเอ็นจีได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์เยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ประเทศไทย ได้ดำเนินการตามแนวคิดเพื่อเด็กและการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การสมทบเงินบริจาคของพนักงานให้แก่เด็กผู้ด้อยโอกาสผ่านองค์กร UNICEF เป็นประจำทุกเดือน การช่วยเหลือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดารหลายแห่งเป็นประจำทุกปี รวมถึงโครงการ ING Tsunami Support โดยการให้ความช่วยเหลือโดยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ประสบภัยจากสึนามิจนจบการศึกษา การสร้างห้องสมุดและสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แก่โรงเรียนพระราชทานบ้านเกาะพีพีทุกปี นับตั้งแต่โรงเรียนประสบภัยจากสึนามิ การเข้าร่วมกิจกรรม ING Global Challenge ซึ่งเป็นกิจกรรม CSR ระดับโลกประจำปี ที่พนักงานไอเอ็นจีในกว่า 40 ประเทศทั่วโลกได้ทำกิจกรรม CSR พร้อมกันในวันเด็กสากลขององค์กรสหประชาชาติ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ให้การศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาสทั่วโลก รวมทั้งการดำเนินโครงการ ING Chances for Children ตั้งแต่ปี 2548
สำหรับโครงการ “โรงเรียนที่มีการบริหารจัดการแบบพึ่งตนเอง” ที่โรงเรียนบ้านโป่งเกตุ จังหวัดสระบุรี เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินโครงการ ING Chances for Children 2010 โดยการสนับสนุนโรงเรียนให้สามารถพึ่งตนเองและดำเนินนโยบายเพื่อ การพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการจัดหารายได้สนับสนุนกิจกรรมโรงเรียนโดยโรงเรียนเพื่อโรงเรียน ประกอบด้วยการปลูกผักเพื่อจำหน่ายและประกอบอาหารสำหรับนักเรียนรับประทาน การเพาะเห็ดเพื่อจำหน่าย และการทำหัตถกรรมและผลิตงานฝีมือเพื่อจำหน่ายเป็นของที่ระลึก นอกจากการสนับสนุนในด้านงบประมาณในการจัดทำกิจกรรมตามโครงการแล้ว บริษัท ไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด ยังได้ร่วมกับบริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้ความช่วยเหลือแก่โรงเรียนในด้านการทำเกษตรกรรม เพื่อช่วยให้โรงเรียนสามารถทำสวนผักให้มีผลผลิตมากขึ้น