เริ่มต้นเปิดการขายอย่างเป็นทางการสำหรับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตเครื่องยนต์ไฮบริด

ข่าวยานยนต์ Wednesday March 30, 2011 16:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ปอร์เช่ เอจี เปิดขายอย่างเป็นทางการแล้วกับรถยนต์รุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) รถยนต์สปอร์ตชั้นนำที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริด จากการตอบสนองอย่างดีเยี่ยมของลูกค้าตั้งแต่งานเปิดตัวในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ 2010 ที่ผ่านมา ทำให้ปอร์เช่ตัดสินใจทำการพัฒนาการผลิตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องยกนิ้วให้กับเทคโนโลยีไฮบริดที่สร้างความโดดเด่นให้กับรถ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เป็นอย่างมาก ด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงแค่เพียง 3 ลิตรต่อ100 กิโลเมตรเท่านั้น (ตามรูปแบบการขับขี่ของ NEDC) เครื่องยนต์ขนาด V8 ในรถ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คันนี้สามารถส่งมอบขุมพลังให้เครื่องยนต์มากกว่า 368 กิโลวัตต์ (500 แรงม้า) อีกทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวนสองมอเตอร์ยังช่วยเพิ่มขุมพลังเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้นกว่า 160 กิโลวัตต์ (218 แรงม้า) ด้วยเช่นกัน และในตอนนี้รถยนต์สปอร์ตชั้นนำ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) พร้อมให้ท่านสั่งจอง เพื่อเป็นเจ้าของนวัตกรรมยานยนต์คันนี้แล้ว เพื่อให้แน่ใจว่า 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คันนี้มีความพิเศษและมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะเหนือใคร รถยนต์สองที่นั่งคันนี้จึงจำกัดจำนวนการผลิต (Limited Edition) เพียงแค่ 918 คันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าลูกค้าสั่งซื้อเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งจะได้รับการส่งมอบเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น เนื่องจากการผลิตจะขึ้นอยู่กับลำดับการสั่งซื้อที่ได้รับ อีกทั้งการผลิตของ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) จะเริ่มได้รับการผลิตตั้งแต่ 18 กันยายน 2013 เป็นต้นไปและฐานการผลิตอยู่ที่โรงงานในมือง Stuttgart-Zuffenhausen และการส่งมอบจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 นี้ ดีเอ็นเอ (DNA) ของการออกแบบได้รับมาจากรุ่นคาร์เรร่า จีที (Carrera GT) และรุ่นปอร์เช่ 917 รวมไปถึงรุ่นอาร์เอส สไปเดอร์ (RS Spyder) อีกทั้งยังละม้ายคล้ายคลึงกับรถยนต์ต้นแบบที่ออกมาในปี 2010 อีกด้วย หากแต่ความคล้ายนั้นก็มีความแตกต่างด้วยเช่นกัน นั่นคือรถเวอร์ชั่นที่อยู่ในสายการผลิตจริงนี้จะใช้คาร์บอนไฟเบอร์พลาสติกเสริมด้วยโมโนคล๊อค (monocoque) พร้อมด้วยระบบหลังคาแบบเปิดปิด Manual ที่มาพร้อมกับแผ่นหลังคาที่สามารถถอดออกและนำไปเก็บไว้ที่ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าได้อีกด้วย 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) คันนี้จะทำการขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนชนิดไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V8 แบบรอบเครื่องยนต์สูงและมีขนาดของเครื่องยนต์เกินกว่า 4 ลิตร ขุมพลังขับเคลื่อนมากกว่า 368 กิโลวัตต์ (500 แรงม้า) เลยทีเดียว เครื่องยนต์วางกลางนี้ได้ถูกสร้างมาจากพื้นฐานความสำเร็จจากรุ่นปอร์เช่ อาร์เอส สไปเดอร์ (Porsche RS Spyder) ซึ่งได้แสดงศักยภาพของเครื่องยนต์ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพให้ได้เห็นกันมาแล้วด้วยการสร้างตำนานคว้าชัยชนะในการแข่งขัน Michelin Green X Challenge ในรายการแข่งขัน American Le Mans และการ แข่งขัน Le Mans Series แบบ 24 ชั่วโมงอีกด้วย ขุมพลังของเครื่องยนต์จะถูกส่งผ่านไปยังล้อหลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche-Doppelkupplungsgetriebe (PDK) ระบบเกียร์แบบคลัทซ์คู่ของปอร์เช่นั่นเอง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวจะติดตั้งอยู่ที่เพลาด้านหน้าและเพลาด้านหลังอย่างละตัว และส่งขุมพลังเพิ่มเติมเป็นอย่างน้อยกว่า 160 กิโลวัตต์ (218 แรงม้า) การกำหนดค่านี้ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นด้วยระบบการขับเคลื่อนทุกล้อพร้อมด้วยตัวควบคุมแรงดันทั้งสองเพลา แบตเตอรี่แบบ liquid-cooled lithinum-ion จะเป็นแหล่งที่เก็บพลังงานและสามารถทำการชาร์จได้จากที่ชาร์จภายใน จากนั้นจะทำการส่งขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าไม่เกิน 25 กิโลเมตร การชาร์จพลังงานนั้นขึ้นอยู่กับเครือข่ายไฟที่มีความเฉพาะของแต่ละประเทศเช่นเดียวกัน (ประมาณ 3 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จในประเทศเยอรมนี) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามรูปแบบการขับขี่ของ NEDC (ECE-R 101) อยู่ที่ประมาณ 3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพียง 70 กรัมต่อกิโลเมตรเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นรถยนต์สปอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยอัตราการเร่งเครื่องยนต์จากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียงแค่ 3.2 วินาที และมีอัตราเร่งสูงสุดมากกว่า 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหมายถึงว่าสไปเดอร์คันนี้สามารถทำเวลาบนรอบสนาม N?rburgring Nordschleife ได้ในเวลาที่น้อยกว่า 7 นาที 30 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่ดีกว่าคาร์เรร่า จีที (Carrera GT) โดยใช้เวลาที่ 7 นาที 32 วินาทีเลยทีเดียว อัตราเร่งสูงสุดอย่างเดียวบนขุมพลังไฟฟ้าอยู่ที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อลดระยะเวลาของลูกค้าที่ต้องรอ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) ปอร์เช่จึงยื่นข้อเสนอพิเศษสุดให้กับลูกค้าโดยเปิดรับการสั่งจอง ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) รุ่น “Edition 918 Spyder” ในจำนวนจำกัดอยู่แค่ 918 คัน เช่นเดียวกับ 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) และการออกแบบของภายในและภายนอกที่มองเห็นได้นั้นก็ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น 918 สไปเดอร์ (918 Spyder) เพื่อสร้างความโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นการนำลายเส้นสีเขียวตามแบบฉบับของปอร์เช่มาใช้ในการแต่งแต้มลงบนโลโก้รุ่นรถ ลายตะเข็บ เข็มหน้าปัด หน้อจอ PCM และฝาครอบขอบประตูอีกด้วย ฝาที่เก็บสัมภาระบนรถด้านหน้ายังได้รับการประดับประดาด้วยหมายเลขรถที่ลูกค้าเลือกจากจำนวนที่จำกัดเพื่อความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งอุปกรณ์และเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานของ 911 Turbo S "Edition 918 Spyder" คันนี้จะมาจากรุ่น 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) ซึ่งมีขุมพลังเครื่องยนต์ที่ 530 แรงม้า (295 กิโลวัตต์) สำหรับรุ่นพิเศษจะมีอุปกรณ์มาตรฐานเหล่านี้ติดตั้งมาให้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในที่มีการเสริมชิ้นส่วนของหนังเข้าไปเพิ่มเติม รวมถึงรุ่นเครื่องมือพิเศษและองค์ประกอบของคาร์บอนที่เพิ่มเติมเข้าไปทั้งภายในและภายนอกด้วยเช่นกัน และตอนนี้ลูกค้าสามารถสั่งจอง 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) "Edition 918 Spyder" และเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2011 เป็นต้นไป สำหรับประเทศไทย ท่านสามารถสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (911 Turbo S) "Edition 918 Spyder" ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการ (Service Teams) ที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-102 หรือ เยี่ยมชมเว็บไซด์ได้ที่ www.porsche.co.th หมายเหตุ: ผู้สื่อข่าวสามารถเข้าไปค้นหาข่าวสารและรูปภาพของปอร์เช่ 918 RSR และ 911 Turbo S “Edition 918 Spyder” ได้ใน Porsche Press Database ที่เว็บไซด์ https://presse.porsche.de Porsche Centre Bangkok PR Public Relations and Media กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย Phone: +662 522 6655 ext. 448 E-Mail: kamonthip@porsche.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ