กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ไทยที่นำเสนอฉากรบทางน้ำอย่างยิ่งใหญ่สะท้านยุทธภพ ชื่นชมกับพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในการรับศึกจาก ๒ ฝ่าย ทั้งศัตรูที่มีไพร่พลเหนือกว่ามหาศาล และผู้รุกรานร้อยเล่ห์เหลี่ยมที่หาโอกาสลอบโจมตี ตื่นเต้นเต็มพิกัดตลอด ๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที ในราคาปกติ ท่านมุ้ยหวังปลุกกระแสความภูมิใจในเอกราช
“ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ — ยุทธนาวี” ภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี จากการกำกับของ ท่านมุ้ย - ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล พร้อมประกาศความเกรียงไกรสะท้านยุทธภพ ทั่วแผ่นดิน ๓๑ มีนาคมนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติมหาราชผู้กอบกู้เอกราชด้วยพระอัจฉริยภาพอันล้ำเลิศ โดยเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทยในการนำเสนอฉากรบทางน้ำที่เป็นสงครามครั้งสำคัญ
นอกจากฉาก “ยุทธนาวี” แล้ว ยังมีฉากที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น ศึกทุ่งบางแก้ว และการบุกตีค่ายพระเจ้าเชียงใหม่ ฉากโรงชำเราชาย ย่านนายก่าย ชุมชนมอญวัดนก ฯลฯ ที่สอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตในสมัยอยุธยาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ พร้อมทั้งมีนักแสดงชุดใหม่มาร่วมสร้างสีสันในบทบาทที่ชวนให้ติดตาม อาทิ จักจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข, นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, นุ้ย-เกศริน เอกธวัชกุล, ดอม เหตระกูล, ต๊อก-ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ กับน้องใหม่ในวงการ ได้แก่ อั้ม-พันธกฤต เทียมเศวต เชื้อไม่ทิ้งแถวของอาเอก-สรพงษ์ ชาตรี และ ป๊อป-ฐากูร การทิพย์
ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล -ท่านมุ้ย ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวว่า “มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้งเหตุการณ์และศึกสงครามครั้งสำคัญอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพระองค์ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะอย่างยิ่งในการวางแผนกลยุทธ์การศึกต่างๆ ด้วย พระอัจฉริยภาพ และทรงเสียสละเสด็จออกกรำศึกอย่างเด็ดเดี่ยวกล้าหาญด้วยพระองค์เองร่วมกับเหล่าแม่ทัพนายกองและขุนศึกเพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้ด้วยวีรกรรมอันน่าเทิดทูน จึงอยากถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุด เพื่อให้คนไทยร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และตระหนักถึงความสำคัญของการมีเอกราชที่ทำให้เรามีศักดิ์ศรีเต็มภาคภูมิ และภูมิใจในความเป็นไทยที่บรรพบุรุษของเราเสียสละสร้างไว้ให้ ไม่เช่นนั้นเราอาจต้องไปเป็นชนกลุ่มน้อยหรือแรงงานต่างด้าวของประเทศที่เข้ามาครอบครอง หากเราสูญเสียเอกราชในสมัยก่อน”
ด้าน ผู้พันเบิร์ด -พ.ท. วันชนะ สวัสดี ผู้รับบทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กล่าวว่า “ภาค ๓ นี้ มีฉากรบที่น่าสนใจในการแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการวางแผนกลศึกและยุทธศาสตร์ของสมเด็จ พระนเรศวรมหาราชในการรับทัพใหญ่ของฝ่ายพม่าที่เข้าโจมตีถึง ๒ ด้านพร้อมกัน และสามารถชนะได้ทั้งที่เรามีกำลังน้อยกว่ามาก นอกจากนี้ยังต้องรับมือกับฝ่ายละแวกที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมเล่ห์เพทุบาย และคอยหาโอกาสโจมตีอยุธยาเสมอ ในภาพรวมเป็นหนังที่น่าประทับใจในหลายด้านครับ ทั้งฉากต่างๆ ที่บรรจงสร้างอย่างพิถีพิถัน มีเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องที่ครบทุกรสชาติ หลากอารมณ์ หลายความรู้สึก ทั้งความรัก ความอิจฉาริษยา ความสะเทือนใจ และความตื่นเต้นสนุกสนานครบถ้วนชวนให้ติดตามในภาคต่อไปด้วย
ผมประทับใจวิธีการนำเสนอของท่านมุ้ยในฉากที่สมเด็จพระนเรศวรไปทำบุญกับมณีจันทร์ ในขณะที่ส่งพระราชมนูไปเป็นกองสอดแนมครับ”
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ — ยุทธนาวี และภาค ๔ — ยุทธหัตถี ใช้ทุนสร้างราว ๙๔๐ ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประมาณ ๓๗๖ ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขการคืนทุน จัดสร้างขึ้นโดยมุ่งหวังให้เป็นสื่อในการปลุกจิตสำนึกให้เกิดความรักชาติ ความสามัคคี และสร้างกระแสให้คนไทยร่วมกันทำความดีเพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดินไทย
ความยิ่งใหญ่อลังการที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการภาพยนตร์ไทยครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงวัฒนธรรม สำนักศิลปวัฒนธรรม ร่วมสมัย โครงการไทยเข้มแข็ง เมืองไทยเมืองนักคิด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พานาโซนิค บริษัท กัปตัน โค๊ทติ้ง จำกัด และบริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด สำหรับภาค ๓ — ยุทธนาวี มีความยาว ๑๕๐ นาที (๒ ชั่วโมง ๓๐ นาที) โดยจำหน่ายบัตรในราคาปกติ สำหรับภาค ๔ — ยุทธนาวี เตรียมฉายในเดือนสิงหาคม ศกนี้
ร่วมปลุกพลังสำนึกรักชาติกับภาพยนตร์ของแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ พร้อมกัน ๓๑ มีนาคมนี้ ทุก โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ