กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่น
“ไอเอ็นจี” ยังคงความเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ด้านกองทุนรวม เปิดตัว “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์” เป็น FIF ที่ลงทุนใน ETF ผ่าน Claymore S&P Global Water Index ETF คัดสรร 50 บริษัททั่วโลกที่จับธุรกิจเกี่ยวกับ “น้ำ” ชี้จุดเด่นเป็นกลุ่มหุ้นที่เติบโตสูง จ่ายปันผลต่อเนื่อง พร้อมเสนอขายครั้งแรก 16-23 ส.ค.นี้ กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2 พันบาท
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงกองทุนใหม่ล่าสุดที่บริษัทฯ เตรียมที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปว่า กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ภายใต้ชื่อ “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์” (ING Thai Global Water Fund)
ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนจะเป็นการลงทุนในดัชนี S&P Global Water Index ผ่านกองทุน Claymore S&P Global Water Index ETF ที่ครอบคลุมหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “น้ำ” ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก รวมทั้งหมด 50 บริษัท โดย “กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์” นี้ถือเป็นการลงทุนในกองทุน ETF กองแรกของ บลจ.ไอเอ็นจี
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องและมีรายได้จากน้ำที่อยู่ใน ดัชนี S&P Global Water Index นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทอย่างชัดเจน ได้แก่
1) ธุรกิจสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท ประกอบด้วย ธุรกิจการจัดหาน้ำ การทำน้ำประปา การบำบัดน้ำเสีย การผลิตน้ำ และระบบลำเลียงน้ำ เป็นต้น
2) ธุรกิจวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท เช่น ธุรกิจผลิตสารเคมีบำบัดน้ำเสีย อุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย เครื่องสูบน้ำ ท่อลำเลียงน้ำ ตลอดจนมาตรวัดน้ำ เป็นต้น
โดยการสร้างดัชนี S&P Global Water Index นั้น จะพิจารณาคัดเลือกบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศที่พัฒนาแล้วและมีมูลค่าตลาดรวมเฉลี่ย (Average Market Capitalization) ต่อบริษัทประมาณ 16.55 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกำหนดให้หุ้นแต่ละตัวมีน้ำหนักไม่เกิน 10% ของมูลค่าหลักทรัพย์รวมในดัชนี และมีการปรับดัชนีการลงทุนปีละ 1 ครั้ง
กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ยังกล่าวถึงเหตุผลที่เข้าไปลงทุนในธุรกิจน้ำผ่าน Claymore S&P Global Water Index ETF ด้วยว่า เนื่องจากเล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจ เพราะต้องยอมรับว่า ในปัจจุบันนี้ น้ำจากธรรมชาติที่ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้ จะต้องผ่านกระบวนการจัดหา จัดเก็บ และปรับปรุงคุณภาพ ก่อนจัดส่งผ่านไปยังโครงข่ายของการประปา และระบบชลประทานมายังผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้นหลายประเทศเริ่มสร้างโรงงานผลิตน้ำจืดโดยใช้น้ำจากทะเล (Desalination Plant) อันเนื่องมาจากความขาดแคลนน้ำ และบริษัทใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการหลักในธุรกิจนี้ อีกทั้งปริมาณความต้องการใช้น้ำเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทั้งในแง่การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก และอัตราการใช้น้ำต่อคนต่อปีของประชากรโลก
จำนวนประชากรโลก อัตราการใช้น้ำต่อคนต่อปี
ลิตร/คน/ปี %
ปี ค.ศ.1900 2,000 ล้านคน 350,000 ลิตร N.A.
ปี ค.ศ.2000 6,000 ล้านคน 642,000 ลิตร 83%
ปี ค.ศ.2025 คาดการณ์ประมาณ 8,000 ล้านคน - -
นอกจากนี้ หุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค ยังนับเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่มีผลประกอบการดี มีการเติบโตอย่างมั่นคง จะเห็นได้ว่าหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคน้ำในประเทศสหรัฐอเมริกาในรอบ 5 ปี (2002-2006) มีผลตอบแทนสูงถึง 104% และยังมีการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด ด้วยเหตุนี้เองทำให้ราคาและผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ยกตัวอย่างเช่น Aqua America (WTR) ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำของภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 8% จากเดือนมีนาคม ปี 2006 และนับเป็นการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นครั้งที่ 16 ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องมากกว่า 60 ปีอีกด้วย” กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าว
สำหรับ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์” (ING Thai Global Water Fund) จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 16-23 สิงหาคม 2550 โดยกำหนดการจองซื้อขั้นต่ำ 2 พันบาท ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-688-7777 กด 2 หรือ www.ingfunds.co.th
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : กฤติยาพร พลตรี
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
โทร. 02-643-1191 ,02-248-7967-8 มือถือ 08-9636-8414
E-mail address : c_mastermind@hotmail.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net