กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารกสิกรไทยเปิดตัว K-Value Chain Solutions แนวทางการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ครั้งแรกของธนาคารไทย ที่ดูแลลูกค้าตลอดวงจรธุรกิจจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ช่วยลดต้นทุนธุรกิจสูงสุดถึง 30% ประหยัดเวลาทำงาน 2 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นำร่องให้บริการกลุ่ม ปตท. และคู่ค้าเป็นเจ้าแรก พร้อมรุกเครือข่ายธุรกิจใน 7 อุตสาหกรรมใหญ่ของไทยที่มียอดขายรวมกว่า 13 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดกลุ่มนี้เป็น 30% ภายใน 3 ปี
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย ได้ให้การสนับสนุน K-Supply Chain Financing (สินเชื่อเครือข่ายธนกิจกสิกรไทย) ให้กับวงจรธุรกิจ โดยปัจจุบันเป็นที่ 1 ในตลาดด้วยวงเงิน 40,000 ล้านบาท และมีลูกค้ากว่า 62 วงจรธุรกิจ แต่เมื่อธนาคารกสิกรไทยได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าธุรกิจอย่างต่อเนื่องและพบว่า ในการที่จะช่วยธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งวงจรธุรกิจของลูกค้าจะต้องได้รับการดูแล ด้วยบริการที่จำเป็น ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ที่นอกเหนือไปจากบริการด้านสินเชื่อ เพื่อให้ทั้งระบบธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ธนาคารกสิกรไทยจึงได้ริเริ่มนวัตกรรมการให้บริการอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว K-Value Chain Solutions ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ ครั้งแรกของธนาคารไทย และเริ่มนำร่องให้บริการแก่กลุ่ม ปตท.เป็นแห่งแรกในประเทศไทย
K-Value Chain Solutions เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งให้บริการแก่ลูกค้าตลอดทั้งวงจรธุรกิจ (Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ซึ่งจะประกอบด้วย ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ (Sponsor) ลูกค้าผู้ประกอบการ SME (Dealer / Supplier) และลูกค้ารายย่อย (End User) โดยการทำความเข้าใจความต้องการของทั้งวงจรธุรกิจ แล้วนำเสนอบริการที่จำเป็นและตรงจุด เพื่อจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในวงจรธุรกิจนั้น ๆ อย่างครบวงจร ในทุกมิติ ดังนี้
บริการด้านสินเชื่อ (Credit) นำเสนอบริการสินเชื่อให้แก่ลูกค้าตามความจำเป็นในการใช้ของแต่ละหน่วยธุรกิจในวงจรธุรกิจของลูกค้า โดยการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารฯ จะประเมินลูกค้าในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของวงจรธุรกิจ จึงมีโอกาสจะได้รับดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราปกติ เช่น บริการสินเชื่อเครือข่ายธนกิจกสิกรไทย (K-Supply Chain Financing) บริการสินเชื่อแฟคเตอริ่งกสิกรไทย (K-Factoring) บริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจต่างประเทศ (K-Trade Finance) ซึ่งลูกค้าที่อยู่ในวงจรธุรกิจจะสามารถลดต้นทุนดอกเบี้ยลงได้ประมาณ 30%
บริการด้านธุรกรรม (Non Credit) ซึ่งรวมถึงงานด้านการจัดการสภาพคล่อง (Liquidity Management) และงานด้านการจัดการเงินสด (Cash Management) เช่น บริการบัญชีเงินเดือน (Payroll) บริการด้านการรับชำระเงิน เป็นบริการที่จะช่วยให้ระบบการดำเนินงานของวงจรธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในแง่ต้นทุนและเวลา โดยธนาคารฯจะช่วยวางระบบให้การทำงานเอกสาร ดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางธุรกรรมลงได้ 29%
การให้องค์ความรู้ (Non Financial) เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของแต่ละหน่วยในวงจรธุรกิจ เช่น การจัดอบรมสัมมนาแก่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับทิศทางของแต่ละอุตสาหกรรม การให้ความรู้ในด้านการบริหารจัดการแก่ลูกค้าที่อยู่ในวงจรธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเริ่มต้นนี้ ธนาคารกสิกรไทย มีเป้าหมายในการรุกให้บริการ K-Value Chain Solutions ในกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีวงจรธุรกิจยาวและซับซ้อน รวมทั้งมีกลุ่มลูกค้า (Segment) เข้ามาอยู่ในวงจรครบทุกกลุ่ม ได้แก่ ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ค้าปลีก-ค้าส่ง อุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มยานยนต์และอะไหล่ยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจทองคำ โดยทั้ง 7 อุตสาหกรรมนี้ มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 13 ล้านล้านบาท โดยธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าหมายจะครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นจาก 17% ในปัจจุบันเป็น 30% ในอีก 3 ปีข้างหน้า มีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 30% และตั้งเป้าหมายจะเป็นธนาคารผู้ให้บริการหลัก (Main Operating Bank) ในทุก ๆ กลุ่มลูกค้าของวงจรธุรกิจ
ทั้งนี้ วงจรธุรกิจ ที่ได้รับการดูแลทั้งวงจรธุรกิจ ด้วย K-Value Chain Solutions จะได้รับประโยชน์ 3 ประการหลัก ได้แก่ 1) การลดต้นทุนธุรกิจสูงสุด 30% ทั้งส่วนลดด้านต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง และส่วนลดค่าใช้จ่ายทางธุรกรรมที่ลดลง 2) การลดเวลาทำงาน 2 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งเป็นผลจากการทำงานเอกสารผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ และ 3) พนักงานมีความสุขมากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบการทำงานใหม่ดังกล่าว จะช่วยให้พนักงานใช้เวลาในการทำงานน้อยลง พนักงานจึงมีเวลาเหลือเพิ่มขึ้น สามารถให้เวลากับครอบครัวหรือใช้ชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้น นำไปสู่ดัชนีความสุข (Happy Index) ที่เพิ่มขึ้น อันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร นอกจากนี้เมื่อกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มในวงจรธุรกิจมีการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น วงจรธุรกิจโดยรวมย่อมมีผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และนำไปสู่การเติบโตร่วมกันทั้งวงจรธุรกิจอย่างมั่นคง
ดร.ปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท.ให้ความสำคัญต่อการดูแลทั้งคู่ค้าและลูกค้า เพื่อการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันอย่างยั่งยืน ปตท. จึงได้ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ศึกษาความต้องการของลุกค้าและคู่ค้าทั้งระบบสายโซ่อุปทาน (Value Chain) จนค้นพบแนวทาง K-Value Chain Solutions ซึ่งดูแลคู่ค้าของกลุ่ม ปตท.ได้ตรงจุดและรอบด้าน มากกว่าแค่บริการด้านสินเชื่อ เช่น การทำบัตรธุรกิจเพื่อให้คู่ค้าใช้ในการจ่ายค่าน้ำมันแทนการถือเงินสด ซึ่งช่วยให้คู่ค้าของกลุ่ม ปตท.ดำเนินธุรกิจได้สะดวกขึ้น สามารถลดต้นทุนทางการเงิน คือต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายค่าน้ำมันลงได้ถึง 24% และช่วยลดเวลาการทำธุรกรรม ลงได้ราว 2 ชั่วโมงต่อวัน อีกด้วย
นอกจากนั้น K-Value Chain Solutions ยังช่วยส่งเสริมวงจรธุรกิจระหว่างกลุ่ม ปตท.กับ คู่ค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะเป็นการพัฒนาช่องทางการทำธุรกิจให้คู่ค้าได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจกับ ปตท.โดยตรง ช่วยให้วงจรธุรกิจของกลุ่ม ปตท.มีการบริหารจัดการที่ดียิ่งขึ้น จากระบบการพัฒนาธุรกรรม ที่ช่วยให้การดำเนินธุรกิจสะดวกรวดเร็ว ลดต้นทุนได้จริง บริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลดเวลาการทำงานของพนักงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท.ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการที่เพิ่มความสะดวกให้แก่พันธมิตรคู่ค้าและลูกค้าของคู่ค้าต่อไป เพื่อท้ายที่สุดลูกค้ารายย่อยของกลุ่ม ปตท.จะได้รับประโยชน์นั้นด้วย