บีอีซี เวิลด์ แจ้งผลการดำเนินงานปี2549 มีกำไร 1,643ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว

ข่าวทั่วไป Wednesday February 21, 2007 15:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--บีอีซี เวิลด์
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) โดยนายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหาร ได้แถลงถึงผลการดำเนิน
งานของปี 2549 ของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ แจ้งว่ากลุ่มบีอีซี เวิลด์ สามารถสร้างกำไรในปี2549ได้ 1,643ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน762ล้านบาท เท่ากับดีขึ้น
กว่าปีก่อนกว่าร้อยละ86 จากการปรับฟื้นของธุรกิจของบีอีซี เวิลด์ ที่ดีต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปี2548 สามารถเพิ่มรายได้จากการขายเวลาโฆษณา
ได้มากกว่าปีก่อนกว่า1,151ล้านบาท จากการเพิ่มอัตราการใช้เวลาโฆษณาขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มราคาในบางช่วงเวลา ในขณะที่ต้นทุนการ
ให้บริการไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม และแม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะมีเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ ทำ
ให้กลุ่ม บีอีซี เวิลด์ มียอดกำไรสุทธิและอัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก
นายประวิทย์ ได้แถลงต่อไปว่าในส่วนของฐานะการเงินของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ ยังแข็งแกร่งเช่นเดิม เงินสดเงินฝากธนาคารและเงินลงทุนในสภาพ
ใกล้เคียงเงินสดเพิ่มขึ้นตามกำไรที่เพิ่มขึ้น แม้กลุ่มจะมีอัตราการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง
ในส่วนของแนวโน้มของธุรกิจของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ช่อง3มีส่วนแบ่งคนดูเพิ่มสูงขึ้นมาตลอด ล่าสุดมีส่วนแบ่ง
คนดูเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ30 ซึ่งถือได้ว่าดีที่สุดในรอบ3-4ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ในระดับที่เคยเป็นในช่วง2544-2545 และ แนวโน้มการใช้นาทีโฆษณาก็ดี
ขึ้น จึงน่าเชื่อได้ว่าจะสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
คำอธิบายงบการเงินรวม ปี2549 บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)
ภาวะอุตสาหกรรม
ในไตรมาสสุดท้ายของปี2549 การใช้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ได้ยุบตัวต่ำลงมาจากที่เคยใช้ในไตรมาสก่อนเล็กน้อยประมาณ2% จากการเพิ่ม
ความเข้มงวดในการโฆษณาเครื่องดื่ม และการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงท้ายของปี และการที่ยูนิลีเวอร์-ผู้โฆษณารายใหญ่-ลดการใช้จ่ายลง
ค่อนข้างมากในเดือนพฤศจิกายน แต่ก็ยังมีการเติบโตสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่อีก4%
เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ในปี2549ทั้งปีเป็นยอดเงิน53,475ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน7% ซึ่งเป็นการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าอุตสาหกรรม
โดยรวมที่โตขึ้นเพียง5% ทำให้สื่อโทรทัศน์มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น59% แต่ก็น่าเสียดายที่อุตสาหกรรมมีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงครึ่งหลังของ
ปี สินค้าประเภทเครื่องดื่มได้ลดการใช้เงินโฆษณาในครึ่งปีหลังค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งแรกของปี ทำให้ยอดทั้งปีต่ำลงจากปีก่อนในอัตรา
ที่สูง และทำให้อุตสาหกรรมโตในอัตราที่ต่ำลง แต่หากมองในแง่ดีก็จะเห็นว่ามีแนวโน้มให้เห็นได้ชัดเจนว่า อุตสาหกรรมมีความหลากหลายมากขึ้น จากการ
เพิ่มการใช้จ่ายของสินค้ากลุ่มเล็กๆที่เพิ่มเป็นจำนวนสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปี ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ดีในอนาคต อย่างไรก็ตาม
เมื่อดูตัวเลขการใช้จ่ายเงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ทั้งปี โดยรวมก็ยังดูเหมือนปีก่อนๆ กลุ่มสินค้าที่ใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ในอัตราสูงก็ยัง
เป็นกลุ่มเดิมๆ เป็นส่วนใหญ่ เว้นแต่อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เริ่มติดกลุ่มรายใหญ่ ผู้โฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์รายใหญ่ ก็ยังหน้าเดิมๆ แต่บางรายจะมีอัตรา
การเติบโตสูงกว่าเฉลี่ยมาก แม้ว่าอัตราการเติบโตที่ช่อง3ได้จากผู้โฆษณาบางรายสูงขึ้นมากก็ตาม แต่เมื่อดูจากอัตราส่วนแบ่งตลาดที่แต่ละช่องได้จาก
ผู้โฆษณาแต่ละรายแล้ว ก็มีเหตุมีผล และ เมื่อพิจารณาตัวเลขส่วนแบ่งตลาดนั้นควบคู่ไปกับกลุ่มคนดูและส่วนแบ่งคนดูของแต่ละช่อง เห็นได้ว่าการเติบโต
ของส่วนแบ่งตลาดซึ่งช่อง 3 ของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้นได้อีกร้อยละ3ในปี2549นั้นก็น่าจะมีโอกาสที่
จะปรับให้ได้ดีขึ้นอีก
โครงสร้างของกลุ่มบีอีซี เวิลด์
ในปี2549 กลุ่มบีอีซี เวิลด์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกลุ่ม อย่างเป็นสาระสำคัญนอกจากการแลกเงินลงทุนในบริษัทร่วม-บริษัทโซนี่
มิวสิค บีอีซี เทโร เอนเทอร์เทนเมนต์ จำกัด เป็นเงินลงทุนในบริษัท โซนี่ บีเอมจี มิวสิค เอนเทอร์เทนเมนต์ (ประเทศไทย)จำกัด และขายเงินลงทุนนี้
ทั้งหมดออกไปในระหว่างปี แต่อย่างไรก็ตาม การที่บริษัท ธีมสตาร์ จำกัด ได้เปลี่ยนสภาพจากการเป็นบริษัทย่อย มาเป็นบริษัทร่วมในเดือนธันวาคมปี2548
จึงทำให้การเปรียบเทียบในงบกำไรขาดทุนระหว่างปี2549 และ 2548 แสดงผลต่างค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในส่วนของรายได้และต้นทุนจากการจัดคอนเสิร์ตและแสดง
โชว์ ที่ในปี2548ได้รวมรายได้และต้นทุนของการจัดแสดงโชว์ของ บริษัท ธีมสตาร์ จำกัดไว้ แต่ไม่มีรายการเหล่านี้ในงบกำไรปี2549 แม้จะมีตัวเลข
ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของบริษัท ธีมสตาร์ จำกัด อยู่ในงบกำไรขาดทุนปี2548ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่เป็นสาระสำคัญเท่ากับรายได้และต้นทุนดังที่
กล่าว
ผลการดำเนินงาน
กลุ่ม บีอีซี เวิลด์ มีกำไรสุทธิในปี2549 เท่ากับ 1,643ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 762ล้านบาท เท่ากับดีขึ้นกว่า86% จากการปรับฟื้นของธุรกิจ
ของบีอีซี เวิลด์ ที่ดีต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปี2548 สามารถเพิ่มรายได้จากการขายเวลาโฆษณาได้มากกว่าปีก่อนกว่า1,151ล้านบาท จากการเพิ่ม
อัตราการใช้เวลาโฆษณาขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง และการปรับเพิ่มราคาในบางช่วงเวลา ในขณะที่ต้นทุนการให้บริการไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม และแม้ว่า
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะมีเพิ่มมาบ้างแต่ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ ทำให้กลุ่ม บีอีซี เวิลด์ มียอดกำไรสุทธิและ
อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก
รายได้จากการขาย สำหรับปี เทียบปีต่อปี
(ล้านบาท) 2549 2548 ล้านบาท %
เวลาโฆษณา 6,114 4,963 1,151 23.2%
ให้ใช้สิทธิและบริการอื่น 295 296 -1 -0.2%
จัดคอนเสิร์ตและแสดงโชว์ 366 1,033 -667 -64.6%
รวมรายได้จากการขาย 6,775 6,292 483 7.7%
รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่ม บีอีซี เวิลด์ ในไตรมาสสุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกับอุตสาหกรรม คือต่ำลงกว่าไตรมาสก่อนแต่ก็ยังเติบโตดี
กว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนโดยที่กลุ่ม บีอีซี เวิลด์ ทำได้ดีกว่าอุตสาหกรรม โดยที่ในไตรมาสสุดท้ายของปีทำได้ดีกว่าปีก่อน6% และรวมทั้งปีทำได้ดี
กว่าปีก่อน23% จากการที่สามารถเพิ่มอัตราการใช้เวลาโฆษณาได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนมาก อีกทั้งยังสามารถปรับราคาขึ้นได้ในบางช่วงเวลาอีกด้วย ส่วนรายได้
จากการจัดคอนเสิร์ตและแสดงโชว์ที่แสดงต่ำกว่าปีก่อนนั้นก็เนื่องมาจากการที่ไม่ได้รวมยอดรายได้ของบริษัท ธีมสตาร์ จำกัด ที่ได้แปลงสภาพจากบริษัท
ย่อยมาเป็นบริษัทร่วมดังที่ได้อธิบายในเรื่องโครงสร้างข้างต้น
ต้นทุนขายและค่าใช้จ่าย สำหรับปี เทียบปีต่อปี
(ล้านบาท) 2549 2548 ล้านบาท %
ต้นทุนให้บริการ 2,911 2,925 -14 -0.5%
ต้นทุนการจัดแสดง 374 979 -605 -61.8%
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 1,332 1,162 170 14.7%
รวมต้นทุนและค่าใช้จ่าย 4,617 5,066 -449 -8.9%
ต้นทุนให้บริการ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อน เนื่องจากการขยายงานซึ่งเป็นเหตุให้ต้นทุนเพิ่มในปีก่อนนั้นได้เสร็จสิ้นใน ช่วงท้ายของปี
ก่อนนั้นแล้ว ส่วนต้นทุนการจัดการแสดงที่ลดลงมากจากปีก่อนนั้นก็เนื่องมาจากการที่ปีนี้ไม่ได้รวมเอายอดรายได้ของบริษัท ธีมสตาร์ จำกัด ที่แปลงสภาพ
จากบริษัทย่อยมาเป็นบริษัทร่วม ดังที่ได้อธิบายในเรื่องโครงสร้างข้างต้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มจากปีก่อนนั้น ส่วนใหญ่เป็น
ค่าใช้จ่ายในการขายที่สูงขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ฐานะการเงิน
สินทรัพย์โดยรวมเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับยอด ณ สิ้นปี2548 โดยที่เงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากตามการเพิ่มขึ้น
ของผลกำไร หนี้สินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนเนื่องจากภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นตามกำไร กลุ่มฯมีฐานะมั่งคงเช่นเคย
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามได้ที่ นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน
โทรศัพท์ 02-262-3635
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ