กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท อเดลฟอส จำกัด ตลอดจนรายได้ประจำที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการสำนักงานให้เช่า และความสามารถในการรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจสังกะสีออกไซด์ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากผลงานด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีไม่มากเท่ากับผู้ประกอบการอื่นในธุรกิจดังกล่าวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงขึ้นสำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าว ทริสเรทติ้งยังคำนึงถึงลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการแข่งขันที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างซื้อที่ดินกันเป็นอย่างมากตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2553 ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาและส่งมอบคอนโดมิเนียม รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้ตามแผน โดยโครงการปาร์ค เวนเจอร์น่าจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ในขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงเนื่องจากภาระหนี้สินที่จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในอดีต ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังที่จะเห็นความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทยูนิเวนเจอร์ก่อตั้งในปี 2523 เพื่อผลิตสังกะสีออกไซด์ และในปี 2543 เริ่มเปลี่ยนไปเน้นธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยลงทุนในโครงการร่วมทุนกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บางราย และมีการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยไปแล้วกว่า 20 แห่งรวมมูลค่าทั้งสิ้นมากกว่า 17,000 ล้านบาท ในปี 2550 บริษัทอเดลฟอสกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 51.6% ของหุ้นทั้งหมด และ ณ เดือนมีนาคม 2554 มีสัดส่วน 56.4% เจ้าของกิจการของบริษัทอเดลฟอสคือทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูลสิริวัฒนภักดีซึ่งยังเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งภายใต้กลุ่มทีซีซีด้วย บริษัทเริ่มเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยในปี 2550 ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท แกรนด์ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (Grand U) เป็น 60% Grand U เป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการภายใต้แบรนด์ยู สบาย (U Sabai) และยู ดีไลท์ (U Delight) ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง นอกจากนี้ ในปี 2550 บริษัทยังก่อตั้ง บริษัท เลิศรัฐการ จำกัด (LRK) เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่ชื่อปาร์ค เวนเจอร์ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานให้เช่าและโรงแรม โดยบริษัทได้ให้เช่าช่วงพื้นที่ในส่วนของโรงแรมแก่บริษัทในเครือของผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท ทีซีซี ลักซ์ชูรีโฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (TCCLH) ให้เป็นผู้ลงทุนและบริหารกิจการ บริษัทได้รับค่าเช่าพื้นที่ล่วงหน้าจาก TCCLH จำนวน 1,358 ล้านบาทเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการ โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จในปี 2554 บริษัทจะบริหารพื้นที่เฉพาะในส่วนของสำนักงานเท่านั้น
ยอดขายจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยูนิเวนเจอร์เพิ่มขึ้นเป็น 3,397 ล้านบาทในปี 2553 จาก 1,598 ล้านบาทในปี 2552 ซึ่งเติบโตอย่างมากโดยมีสาเหตุหลักมาจากความสำเร็จในการเปิดโครงการยู ดีไลท์ @ จตุจักร สเตชั่น รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 1,139 ล้านบาทในปี 2553 จาก 463 ล้านบาทในปี 2552 จากการโอนคอนโดมิเนียมโครงการยู ดีไลท์ @ บางซื่อ สเตชั่น และยู สบาย พระราม 4-กล้วยน้ำไท ซึ่งทำให้รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นรายได้หลักของบริษัท (50%) ในปี 2553 ในขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์ลดลงเป็น 48% แม้ว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะดีขึ้น แต่ก็ยังคงต่ำกว่าผู้ประกอบส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสังกะสีออกไซด์และธุรกิจอื่น ๆ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 10% บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเท่ากับ 6.13% ในปี 2553 เพิ่มขึ้นจาก 0.17% ในปี
2552 และ -0.76% ในปี 2551 กระแสเงินสดของบริษัทในช่วงปี 2551-2553 ได้แรงหนุนจากเงินรับล่วงหน้าค่าก่อสร้างสำหรับโครงการปาร์ค เวนเจอร์จาก TCCLH ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนสูงกว่าในอดีตอันเนื่องมาจากภาระหนี้จากการลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงาน โดย ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ระดับ 31.36% เพิ่มขึ้นจาก 18.86% ในปี 2552 และ 15.34% ในปี 2551
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของไทยเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 และอยู่ในสภาวะทรงตัวตลอดปี 2553 อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2553 ได้รับผลกระทบบางส่วนจากความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 และจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลที่สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2553 ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อไป และส่วนใหญ่มีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ดังนั้น ราคาที่ดินในทำเลที่ดีจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาล ความต้องการที่อยู่อาศัยจะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าการเปลี่ยนแปลงในนโยบายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงวงจรขาขึ้นน่าจะช่วยลดความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรลง และจะส่งเสริมให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้นนับจากปี 2554 เป็นต้นไป
บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (UV)
อันดับเครดิตองค์กร คงเดิมที่ BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2554 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html