กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--พม.
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เพื่อเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุ รับบริจาค และประสานการช่วยเหลือ พร้อมเปิดบัญชีเชิญชวนประชาชน ร่วมบริจาคเงินนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า จากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายในบริเวณกว้างทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า ๒ ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต รวม ๕๓ คน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์เดียวกับเหตุอุทกภัยเมื่อปีปลายปีที่แล้ว ได้แก่ มาตรการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน และมาตรการฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุ รับบริจาค และประสานการช่วยเหลือ และชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง กระบี่ และสงขลา โดยปล่อยคาราวานรถทั้ง ๖ ชุดลงไปตามพื้นที่ประสบภัยแล้ว รวมทั้งให้การช่วยเหลือต่างๆ โดยมีศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ เป็นช่องทางประสานการช่วยเหลือ และเปิดบัญชีเงินฝาก ธนาคารกรุงไทย สาขาสะพานขาว ประเภทบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “พม.ช่วยเหลือผู้ประสบภัย” เลขที่บัญชี ๐๒๑-๐-๑๒๕๓๒-๒ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะได้เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และเข้าไปเสริมในส่วนที่ราชการอื่นๆ เข้าไปไม่ถึง โดยเฉพาะกลุ่มแม่และเด็ก ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่และกำชับให้ดูแลเป็นพิเศษ กระทรวงฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาครอบครัวเคลื่อนที่แม่และเด็ก ในพื้นที่ซึ่งเป็นที่พักชั่วคราว (จุดอพยพ) เพื่อช่วยเหลือแม่ เด็ก และครอบครัวที่ประสบปัญหาด้วย ส่วนการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียชีวิตทั้ง ๕๓ คน ก็จะให้การช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวในกรณีพิเศษ จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท และในวันที่ ๑๐ เมษายนนี้ จะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และมอบเงินเยียวยาให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และในส่วนของเด็กที่กำพร้าครอบครัว ก็จะได้พิจารณารับเข้าไปอยู่ในการดูแลของสถานสงเคราะห์ต่อไป