กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--วีม คอมมูนิเคชั่น
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น และทำ New High ใหม่ในช่วงเวลา 30 ปี พร้อมกับ Silver โดยตลาดโลหะมีค่าซึ่งนำโดยทองคำสร้างสีสัน และความคึกคักอย่างมากในการซื้อขาย โดยที่ได้สร้างจุดสูงสุดใหม่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในตลาด COMEX โดยไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,476 เหรียญ และโลหะเงิน ทำ All Time High ตลอดกาลที่ระดับ 40.92 เหรียญต่ออนซ์ เหตุเกิดจากความปั่นป่วนของเศรษฐกิจโลก ทั้งค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัว, ภาวะเงินเฟ้อ และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แนะสัปดาห์นี้ นักลงทุนทำกำไรเป็นรอบตามจังหวะการขึ้นลง หาจังหวะเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวตามการแกว่งของราคาตลาด
“ ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำและโลหะเงินปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ มี 3 ประเด็นหลักๆ คือค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว ความกังวลในภาวะเงินเฟ้อที่ลามจากฝั่งเอเชียไปสู่ยุโรป และกำลังจะคืบคลานเข้าสู่อเมริกา รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับทองคำแท่งในประเทศไทยก็ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 20,900 ถึงแม้มีแรงกดดันด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างมาก โดยที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจากที่ระดับ 30.20 บาท/ดอลล่าร์ มาอยู่ที่ระดับ 30.05 บาท/ดอลล่าร์ ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยที่ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน” น.พ. กฤชรัตน์ กล่าว
ประเด็นแรก เกิดจากค่าเงินดอลลาร์เองยังอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าในระยะหลังมีการพูดคุยกันถึงมาตรการ QE2 มากขึ้น หรือแม้กระทั้ง QE3 อาจจะมีหรือไม่มี สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตลาดก็คือ เม็ดเงินที่อัดฉีดเข้ามาในระบบ QE2 จะครบกำหนดในอีกสองเดือนข้างหน้าคือเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าวิเคราะห์ผลจากตัวเลขเศรษฐกิจ พบว่ายังไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าเทียบกับเม็ดเงินที่ใช้ไปอย่างมหาศาล โดยตัวเลขคนว่างงานปรับขึ้นมาในระดับแค่ 0.3% ณ ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 8.7% เท่านั้น เรียกว่าดีขึ้นแต่ไม่มาก ในขณะที่มีนักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขคนว่างงานที่น่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นได้คนตกงานต้องต่ำกว่า 5% ซึ่งถือว่ายังห่างไกลจากเป้าหมายมาก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ว่าจะเป็น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน, ตัวเลขการจ้างงาน รวมไปถึงยอดขายบ้านใหม่ จะเห็นได้ว่าภาพรวมๆ จะเป็นลักษณะการโตเพราะการกระตุ้นจากมาตรการของสหรัฐ จึงสรุปได้ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ฟื้นตัวเท่าไหร่ และจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหยุดภาวะ QE2 เพียงแค่นี้ หมดยากระตุ้นแล้วเศรษฐกิจจะฟุบลงรึเปล่า ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ประเด็นที่สอง ปัญหาในเรื่องภาวะเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างยิ่งและเป็นประเด็นสำคัญ รวมทั้งประเทศจีนที่เริ่มมีภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้และปรับขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่แล้วอีก 0.25% สู่ระดับ 3.25% ต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยเอง ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน จากระดับ 2 % มาเป็นระดับ 2.25 % ในขณะที่ ECB เองปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกันเพื่อที่จะควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งดัชนี CPI ปรับตัวสูงขึ้นเกินกว่าเป้าหมายไปอย่างมากโดย ECB ตั้งเป้าไว้ที่ระดับ 2% มาสู่ระดับ 2.6% ในขณะที่ตัวเลข CPI ของสหรัฐยังอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้หรืออยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากกำลังซื้อเองมีไม่สูงแต่แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่สูงกว่าระดับ 100 เหรียญ/บาร์เรล และเป็นระยะนานกว่า 1 เดือนขึ้นไปย่อมจะส่งผลักดันต่อภาวะเงินเฟ้อต่อไปในเดือนข้างหน้าอย่างรุนแรง นักวิเคราะห์ในระดับโลกมองว่าโอกาสที่น้ำมันจะตกต่ำกว่า 100 เหรียญในเดือนเมษายนนั้นเป็นไปได้ยากมากหรืออาจจะเป็นไม่ได้เลยในเดือนเมษายน โดยทั่วไปยังมองว่าน้ำมันยังอยู่ในภาวะขาขึ้นเช่นเดียวกัน
ประเด็นที่สาม ราคาน้ำมันจะยังถูกกดดันต่อเนื่องจากภาวะความไม่สงบในลิเบียและโซนตะวันออกกลางผลักดันทำให้ราคาน้ำมันเองยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ณ ขณะนี้อยู่ที่ 113 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับน้ำมัน NYMEX โอกาสที่จะเห็นความสงบในลิเบียต้องบอกว่าค่อนข้างยากหรือ แม้กระทั่งถึงจะสงบแล้วสภาวะการผลิตน้ำมันก็คงจะไม่สามารถกลับคืนมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงพอจะสรุปได้ว่าราคาน้ำมันน่าจะยืนอยู่เหนือระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรล อีกไม่น้อยกว่า 1 เดือนขึ้นไป
กล่าวโดยสรุปจะเห็นได้ว่าภาพรวมทั้งหมดคือความไม่สงบและความปั่นป่วนในภาวะเศรษฐกิจของโลกซึ่งมีโอกาสที่จะผลักดันทำให้ทุกจุดของเม็ดเงินในการลงทุนหันเข้ามาหาในทองคำที่ถือว่าเป็น Save haven ในตลาดโลกที่นักลงทุนไม่ว่าจะเป็นจีนและอินเดียรวมทั้งตะวันออกกลางเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ต่อเนื่องในขณะนี้ กลุ่ม Central Bank ก็เปลี่ยนบทบาทจากผู้ขายมาเป็นผู้ซื้อ ด้วยเหมือนกันจึงนับได้ว่าในขณะนี้การลงทุนในทองคำ ณ. ขณะนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งของโลก ในประเทศไทยเองก็จะเห็นได้ว่ามีการลงทุนในตลาด Gold Futures อย่างคึกคักและหนาแน่น สร้างปริมาณการซื้อขายทะลุระดับ 10,000 สัญญาเมื่อวันพฤหัสบดีนี้เอง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่นักลงทุนเองเข้าสู่ตลาดกันอย่างหนาแน่นทั้งในสัญญา 50 บาทและ 10 บาท
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานทำกำไรโดยปรับตัวลดลงมาทดสอบแนวรับด้านล่างซึ่งแนวรับแรกอยู่ที่ 1452 เหรียญเราคาดว่าการปรับตัวน่าจะไม่มากเท่าไหร่และแนวต้านอยู่ที่ระดับ 1475 เหรียญ Oscillator ในรายชั่วโมงเริ่มเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงการขายออกบ้าง
คำแนะนำ
ให้นักลงทุนทองคำแท่งทยอยเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวที่แนวรับที่ระดับ 20,650 และยังมองว่าระยะยาวทองคำยังเป็นขาขึ้นได้อยู่
สนใจลงทุนในทองคำแท่งและ Gold Futures ติดต่อบริษัท MTS Gold Group Call Center 02 222 5959
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บจก. วีม คอมมูนิเคชั่น
คุณศุภอัชฌ์ (เอ็ม) โทร, คุณภัทรเดช (เอ)