กรุงเทพฯ--24 เม.ย.--กบข.
กบข. ปลื้มผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี50 ได้รับผลตอบแทนกว่า 7.8 พันล้านบาท และผลตอบแทนสะสมย้อนหลัง 12 เดือนได้ร้อยละ 5.34 ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.83 เลขาธิการ กบข. เผยกลยุทธ์เน้นปรับพอร์ตการลงทุนให้ทันสถานการณ์ตลาดเงิน-ตลาดทุน และประเมินผลทุก 3 เดือน คาดปีนี้ผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 6-6.5
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ( กบข. ) เปิดเผยถึงผลประกอบการและผลประโยชน์สุทธิของ กบข.ในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2550 โดยได้ผลตอบแทนจำนวน 7,829.05 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนย้อนหลังสะสม 12 เดือน (เมษายน 2548 - มีนาคม 2549) ได้ผลตอบแทนร้อยละ 5.34 หรือคิดเป็นจำนวนเป็นจำนวนเงิน14,246.39 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 กบข. มีสินทรัพย์สุทธิจำนวนทั้งสิ้น 336,638.15 ล้านบาท
“ ผลประกอบการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับตัวเทียบวัดการลงทุนที่ กบข. กำหนดไว้ คือสูงกว่าผลตอบแทนจากเงินฝากประจำ 1 ปีของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 ธนาคาร ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.92 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3.83” นายวิสิฐกล่าว
สำหรับสัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 มีการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศร้อยละ 73.0 ตราสารทุนในประเทศร้อยละ 10.0 ตราสารต่างประเทศร้อยละ 8.7 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 4.1 และการลงทุนทางเลือกร้อยละ 4.2 ทั้งนี้ กบข. มีการติดสถานการณ์เศรษฐกิจ และตลาดอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการบริหาร กำกับดูแลความเสี่ยง โดยมีการประเมินสถานการณ์ทุก 3 เดือนในการทบทวนปรับพอร์ตการลงทุน ซึ่งมีผลช่วยในการลดความผันผวนได้เป็นอย่างดี
เลขาธิการ กบข. กล่าวถึงทิศทางและนโยบายในการลงทุนต่อไปว่า กบข.จะมีการกระจายการลงทุนมากขึ้นเพื่อเพิ่มเสถียรภาพด้านผลตอบแทนที่ดีแก่สมาชิก อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้ กบข. จะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณร้อยละ 6-6.5 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ของ กบข. เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2540-2550 กบข. ได้สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีถึงร้อยละ 8.14 นับเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารเงินออมให้กับข้าราชการสมาชิกเพื่อใช้จ่ายในวัยเกษียณ