กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนชาต
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 โดยบริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน593.2 % สำหรับธนาคารธนชาต มีกำไร 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 599.6%
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนเท่ากับ 1,119 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 964.7% มีภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจำนวน 458 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 226.7% ทำให้มีกำไรสุทธิเท่ากับ 577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 694 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 593.2% และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.43 บาท
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเป็นผลมาจากบริษัทฯและบริษัทย่อยได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (IAS39) ที่ออกไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2549 ครบถ้วนแล้วในไตรมาสนี้ โดยปรับปรุงการให้มูลค่าหลักประกันของลูกหนี้ เช่น ลูกหนี้เช่าซื้อสามารถนำมูลค่ายานพาหนะที่เป็นหลักประกันมาหักออกจากมูลหนี้ก่อนการกันสำรองได้ ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวได้สะท้อนอยู่ในผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย รวมทั้งการเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีการรับรู้รายได้ของธุรกรรมเช่าซื้อของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีผลให้ธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายจากธุรกรรมเช่าซื้อลดลง ประกอบกับบริษัทฯและบริษัทย่อยสามารถบริหารค่าใช้จ่ายอื่นได้ดี และผลจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลให้ต้นทุนด้านเงินฝากลดลงจากไตรมาสก่อน อีกทั้งแผนในการเปิดสาขาสำหรับในไตรมาสแรกของปี 2550 เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง ส่วนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯและบริษัทย่อยยังคงทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการรองรับการขยายธุรกิจอย่างมีเสถียรภาพ
นายศุภเดช เปิดเผยว่า สำหรับธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของทุน ธนชาต ในไตรมาส1 ปี 2550 ธนาคารได้เปลี่ยนวิธีการรับรู้รายได้ของธุรกรรมเช่าซื้อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 ดังกล่าวข้างต้น มีผลให้ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากธุรกรรมเช่าซื้อลดลง รวมทั้งการรับรู้รายได้ลดลง แม้ว่าในไตรมาสนี้ธนาคารจะมีรายได้ดอกเบี้ยรับและเงินปันผลสุทธิจำนวน 1,575 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 54 ล้านบาท แต่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Interest Spread) ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนเป็นผลจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจ รวมทั้งการลดลงของค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ย อันเนื่องมาจากการบริหารค่าใช้จ่ายของธนาคาร และแผนการขยายสาขาในอัตราที่ลดลง ทำให้ในไตรมาส 1 ปี 2550 ธนาคารมีผลการดำเนินงานเป็นกำไรจำนวน 129 ล้านบาท ขณะที่มีผลการดำเนินงานขาดทุนจำนวน 26 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ทำให้มีกำไรเพิ่ม 155 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 599.6%
ทางด้านสินทรัพย์ ของบริษัททุนธนชาตและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวม 302,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 286,768 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 หรือเพิ่มขึ้น 5.5% ซึ่งเกิดจากการขยายตัวเพิ่มขึ้นของเงินรับฝาก จากจำนวน 198,527 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เป็น 203,339 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2550 หรือเพิ่มขึ้น 2.4%
นายบัณฑิต ชีวะธนรักษ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ด้วยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการออกผลิตภัณฑ์ด้านเงินฝากใหม่ๆ และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง จะเป็นการช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องแก่ธนาคารในการที่จะขยายธุรกิจได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยเงินฝากที่เพิ่มขึ้นเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญที่สนับสนุนการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อเช่าซื้อ ทำให้มียอดสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มสูงขึ้น 6.8% จากสิ้นปี 2549 รวมทั้งเป็นผู้นำตลาดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่อยู่ในปัจจุบัน และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามธนาคารยังมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งของธนาคารต่อไปในอนาคต