ตลาดหลักทรัพย์ mai เผยดัชนีสิ้นปี 2549 เพิ่มขึ้น 22% ดันมาร์เก็ตแคป เพิ่มกว่า 50%

ข่าวทั่วไป Thursday January 4, 2007 12:05 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--ตลท.
ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เผยปี 2549 ผู้ลงทุนหันลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กใน mai ส่งผลให้ดัชนี ณ สิ้นปี 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 คาดปี 2550 มีบริษัทยื่น คำขอเข้าจดทะเบียน 24 บริษัท พร้อมเดินสายหาธุรกิจเป้าหมายเพิ่มในกลุ่มโลจิสติกส์ อาหารและยา ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และจัดกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง ประเดิมครั้งแรก 25 มกราคม 2550 “คอหุ้น mai on Stage” ณ หอประชุมศ.สังเวียน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ในปี 2549 ที่ผ่านมานักลงทุนหันมาให้ความสนใจหุ้นขนาดกลางและเล็กที่จดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการที่ mai Index ขึ้นไปที่ระดับสูงสุดของปี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2549
ที่ 206.02 จุด เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 2548 ซึ่งปิดที่ระดับ 158.23 จุด คิดเป็นร้อยละ 30.2 ขณะที่ดัชนี mai
ณ วันสิ้นปีปิดที่ 193.43 จุด เพิ่มขึ้น 35.2 จุด จากปี 2548 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.3 เช่นเดียวกับมูลค่า หลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นจาก 14,314 ล้านบาท เป็น 21,810 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 7,496 ล้านบาท หรือร้อยละ 52.4
สำหรับการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) นั้น นายชนิตรกล่าวว่า ในปี 2549 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพิ่มขึ้นจำนวน 6 บริษัท รวมเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้งสิ้น 42 บริษัท และตั้งเป้าว่าในปี 2550 นี้จะมีบริษัทยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก 24 บริษัท
“ในปี 2550 เอ็มเอไอจะมุ่งเน้นการทำการตลาดเชิงรุก โดยการส่งทีมงานเข้าไปหาธุรกิจที่มีศักยภาพผ่านกลยุทธ์เดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ ไม่เฉพาะแค่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากเอ็มเอไอเล็งเห็นความสำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เพื่อให้ผู้ประกอบการในภูมิภาคที่มีศักยภาพได้รู้จักและเข้าถึงแหล่งลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยจะเน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตร อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายนอกเหนือจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) รวมถึงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางด้านวัฒนธรรม (Culture Technology) อุตสาหกรรมสื่อ (Media) และอุตสาหกรรมบริการเฉพาะกิจ (Professional Services) แล้ว ในปี 2550 นี้ เอ็มเอไอยังรุกเพิ่มอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีศักยภาพ อาทิ โลจิสติกส์ อาหารและยา อีกด้วย” นายชนิตรกล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัท เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ จำกัด นั้น ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ดำเนินการขออนุญาตต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วนั้น คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีความเห็นให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ศึกษาและทบทวนข้อมูลประกอบการขออนุญาตจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าวเพิ่มเติม ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะได้มอบหมายให้สถาบันการศึกษาหรือบุคคลภายนอกที่มีความเป็นอิสระ ไปดำเนินการศึกษากลไกของธุรกิจร่วมลงทุน รวมถึงบทบาทและความจำเป็นของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมกองทุนร่วมลงทุนผ่าน เอ็ม เอ ไอ แม็ทชิ่ง ฟันด์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอบทศึกษาดังกล่าวต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2550
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะยังคงส่งเสริมให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อย่างต่อเนื่อง โดยการเผยแพร่ข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้น และการจัดกิจกรรมให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุน ซึ่งจะประเดิมงานแรกวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2550 ในชื่อ “คอหุ้น mai on Stage” ซึ่งเป็นกิจกรรมสัมมนาต่อเนื่อง 3 ครั้ง ในรูปแบบผู้บริหารพบผู้ลงทุน ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ จะมีงานสัมมนาสำหรับผู้ลงทุน Thai Investors’ Day ในวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ ดำเนินรายการโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา อีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ