บ้านปูฯ แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2550 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 90

ข่าวทั่วไป Friday August 17, 2007 14:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--บ้านปู
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการครึ่งปีแรกประจำปีงบประมาณ 2550 มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 2,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2549 เป็นผลจากการรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในประเทศไทย หลังจากสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ได้เต็มกำลังในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และกำไรจากธุรกิจถ่านหินซึ่งมีราคาที่ดีขึ้น
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2550 ที่ผ่านมา (1 มกราคม 2550 — 31 กรกฎาคม 2550) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 2,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของปี 2549 จำนวน 1,402 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 90 ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้ส่วนแบ่งของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในประเทศไทย ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ทั้งสองหน่วยการผลิตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมทั้งรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศจีน และธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทฯ มีการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี จำนวน 2,580 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา
ในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2550 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 14,616 ล้านบาท ลดลง 159 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในประเทศไทยปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณถ่านหินสำรองของเหมืองถ่านหินในไทยได้ทยอยลดลงจากอายุสัมปทานเหมืองถ่านหินที่กำลังจะหมดลงในปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้รายได้จากการขายรวมในช่วงครึ่งปีแรกแบ่งออกเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 12,793 ล้านบาท หรือร้อยละ 88 ของรายได้ ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากแหล่งผลิตในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 12,441 ล้านบาท ลดลงจากครึ่งปีแรกของปี 2549 จำนวน 100 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 4 เป็นผลกระทบจากการหยุดขนส่งถ่านหินเป็นการชั่วคราวที่ท่าเรือบอนตังในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนรายได้จากแหล่งถ่านหินในไทยมีจำนวน 352 ล้านบาท ลดลง 723 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและ ไอน้ำจากประเทศจีนมีจำนวน 1,753 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของรายได้รวม
“แม้ว่าปริมาณการขายถ่านหินโดยรวมของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกจะลดลง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยรวมของบริษัทฯ มากนัก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาปริมาณการขายถ่านหินคุณภาพดีจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับราคาตลาดที่ทรงตัวในระดับดี ส่งผลให้ราคาถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 39.97 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับราคาถ่านหินเฉลี่ยในปี 2550 จาก 38 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 39 เหรียญสหรัฐต่อตัน” นายชนินท์ กล่าวชี้แจง
สำหรับปริมาณการขายถ่านหินในครึ่งปีแรก 2550 ที่ผ่านมามีจำนวน 9.20 ล้านตัน ปรับตัวลดลงร้อยละ 7 จากจากครึ่งปีแรก 2549 ที่มีจำนวน 9.84 ล้านตัน โดยมาจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย 8.3 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 90 ของปริมาณถ่านหินที่ผลิตได้ทั้งหมด ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายถ่านหินในปีนี้จาก 21 ล้านตันเป็น 20 ล้านตัน โดยคาดว่าการปรับลดเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายถ่านหินในปีนี้ลง 1 ล้านตัน อาจจะส่งผลกระทบบ้างเล็กน้อยต่อรายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ ที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะสูงกว่า 3.3 หมื่นล้านบาทประมาณร้อยละ 10
“เนื่องจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่ลดลงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นถ่านหินที่ผลิตได้ภายในประเทศ ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ ในขณะที่ปริมาณการผลิตถ่านหินคุณภาพดีจากเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 19 ล้านตัน ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของปีนี้ที่เพิ่มขึ้น 1 เหรียญสหรัฐต่อตัน รายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ ในปี 2550 ซึ่งได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะสูงกว่า 3.3 หมื่นล้านบาทก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย” นายชนินท์ กล่าวเพิ่มเติม
บ้านปูฯ เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานชั้นนำของเอเชียที่มีฐานการผลิตใน 3 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย และ จีน โดยฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 53,589 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,203 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และมีหนี้สินรวมจำนวน 28,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ส่วนอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2550 เท่ากับ 0.68เท่า เทียบกับ 0.66 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549

แท็ก บ้านปู   ซีพี  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ