กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ปภ.
ปภ. สรุปความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว พร้อมสั่งการหน่วยงานในสังกัด จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด หวั่นปัญหาดินสไลด์และหินถล่ม ซึ่งเป็นผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวนและแผ่นดินไหว
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวความรุนแรง 6.1 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นบริเวณพรมแดน ลาว-พม่า ห่างจากจังหวัดเชียงรายประมาณ 61 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2550 ที่ผ่านมา ส่งผลให้จังหวัดภาคเหนือตอนบนรวมถึงอาคารสูงในกรุงเทพมหานครเกิดการสั่นสะเทือน และจากการตรวจสอบได้รับรายงานความเสียหายในจังหวัดเชียงราย ดังนี้ อำเภอเชียงของ พบอาคารธนาคารออมสินเกิดรอยร้าวหลายจุด บ้านเรือนประชาชนเกิดรอยร้าวกว่า 10 หลังคาเรือน อำเภอเชียงแสน ยอดฉัตรพระธาตุจอมกิตติหักโค่น และเจดีย์ เกิดรอยร้าว ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับอำเภอเชียงแสน ได้เข้าตรวจสอบและประสานให้เจ้าหน้าที่เร่งทำการบูรณะซ่อมแซมแล้ว ขณะที่จังหวัดน่าน เกิดดินไสลด์ทับเส้นทางการจราจรสาย น่าน-พะเยา ส่งผลให้รถใหญ่ ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดน่าน จึงได้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เข้าไปดำเนินการปรับเกลี่ยดินที่กีดขวางทางจราจร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย สามารถเปิดใช้เส้นทางได้แล้ว
นายอนุชา เปิดเผยต่อว่า จากอิทธิพลสภาวะอากาศที่แปรปรวนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของภาคเหนือตอนบน ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ชุ่มน้ำมากแล้ว ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง อาจเป็นเหตุให้หินและพื้นดินที่ชุ่มน้ำบนที่สูงหรือบริเวณที่ลาดเชิงเขาในพื้นที่เสี่ยงถล่มลงมาทับเส้นทางการจราจรและบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ด้านล่าง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาดินไสลด์และหินถล่ม ซึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่จะสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน จึงได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใดสถานการณ์รุนแรง ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักรกล ไปสนับสนุนการป้องกันและแก้ไขปัญหา และแจ้งไปยังจังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้แล้วพร้อมทั้งได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากภัยธรรมชาติในระยะนี้ สำหรับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามข่าวแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากได้รับการแจ้งเตือนจะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้หน่วยงานในสังกัดเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วนต่อไป....