กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--รี้ด เทรดเด็กซ์
The Five Stars Show รวมพลผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์คับคั่ง กว่า400 บริษัททั่วโลก เงินสะพัดกว่า1พันล้านบาท พร้อมดันไทยสู่ดีทรอยต์เอเชีย
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน The Five Stars Show มหกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักร เพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ คลัสเตอร์โชว์ที่ครบวงจรหนึ่งเดียวในภูมิภาค ระหว่าง 21-24 มิถุนายน ที่ศูนย์ประชุมไบเทค บางนา มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ กว่า 400 บริษัท จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมโชว์นวัตกรรม คาดเงินสะพัดมากกว่า1 พันล้านบาท คนร่วมงานกว่า 4.5 หมื่นคน
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์หลักที่ภาครัฐให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยทางกระทรวงฯได้มีมาตรการต่างๆเพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีนโยบายที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งนี้จากอดีตถึงปัจจุบัน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ปรับจากการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้ามาสู่การผลิตเพื่อการส่งออก จากโรงงานประกอบรถยนต์มาสู่การเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นฐานการผลิตยานยนต์แห่งเอเซีย ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยปี 2549 ประเทศไทยมีการผลิตรถยนต์ 1.18 ล้านคัน ผลิตรถจักรยานยนต์ 2.08 ล้านคัน และมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบกว่า 3.63 แสนล้านบาท คิดเป็นอันดับ 2 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดรองจากผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในอนาคตคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านปริมาณการผลิต การจำหน่ายในประเทศ และการส่งออก อันเนื่องมาจากการเป็นฐานการผลิตรถกระบะและรถจักรยานยนต์
สำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นั้น ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก จากการที่บริษัทข้ามชาติชั้นนำต่างๆทั้งจาก ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และยุโรป เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกทั้งในภูมิภาคและตลาดโลก ทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมากทั้งในด้านการส่งออก การลงทุน การจ้างงาน ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศ โดยสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่สร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยในปี 2549 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 1.56 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปี 2548 แยกเป็นในส่วนของสินค้าไฟฟ้า 5.6 แสนล้านบาท และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยหลายชนิดมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกสูง ตัวอย่างเช่น Hard disk Drive ที่ส่งออกได้เป็นอันดับ 1 ของโลก เครื่องปรับอากาศ สามารถส่งออกได้เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากประเทศจีน หรือเครื่องรับโทรทัศน์ที่ไทยส่งออกเป็นอันดับที่ 7 ของโลก เป็นต้น
จากความสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทำให้หลายประเทศพิจารณาอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยในช่วงที่ผ่านมามีการแข่งขันดึงดูดการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติต่างๆให้เข้าไปลงทุนในประเทศของตน โดยสนับสนุนทั้งทางด้าน สาธารณูปโภคต่างๆ และสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนเป็นพิเศษ ทำให้ประเทศไทยเองจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆรวมถึงต้องมียุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน เพื่อให้ไทยยังคงการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกได้ต่อไป
นางนิชาภา ยศวีร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เปิดเผยว่า บ. รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอกนิกส์ จัดงาน The Five Stars Show มหกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักร เพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจัดเป็นคลัสเตอร์โชว์ที่ครบวงจรและเป็นเพียงหนึ่งเดียวในภูมิภาค อันประกอบด้วย งานอินเตอร์พลาส ไทยแลนด์ 2007 งานแสดงเทคโนโลยี เครื่องจักร ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกและยาง งานอินเตอร์โมลด์ ไทยแลนด์ 2007 งานแสดงเครื่องจักร — เทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรผลิตแม่พิมพ์และการขึ้นรูป งานออโตโมทีฟ แมนูแฟกเจอริ่ง 2007 งานแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ งานเนปคอนไทยแลนด์ 2007 งานแสดงเทคโนโลยีอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ และงานแอสเซ็มบลี เทคโนโลยี 2007 งานแสดงอุปกรณ์ และเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ
งานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อโดยส่งเสริมศักยภาพการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เน้นการใช้เทคโนโลยีการผลิต เพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูง ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า ซึ่งจะมุ่งเป้าที่ชัดเจนยังกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนราย SME ให้สามารถรุกตามผู้ผลิตรายใหญ่ได้ทัน ซึ่งจากภาวะเงินบาทในปัจจุบัน จะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการลงทุนเครื่องจักรเป็นอย่างมาก โดยการรวมตัวของบริษัทแบรนด์ ชั้นนำ จากทั้งในและต่างประเทศกว่า 400 บริษัท เต็มพื้นที่กว่า 35,000 ตารางเมตร
โดยภายในมหกรรม The Five Stars Show นี้ นักอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนจะได้สัมผัสเครื่องจักรและเครื่องมือใหม่นับพัน ซึ่งหลายรายการจะมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกภายในงาน และเป็นเทคโนโลยีที่นำเข้ามาจากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ ไต้หวัน ฝรั่งเศส สิงคโปร์ เกาหลี จีน เป็นต้น ทั้งนี้ภายในงานยังได้มีการเปิดตัวไฮไลท์นวัตกรรมเป็นครั้งแรกในไทยและอาเซียน อาทิ การรวมพลแขนกล อัจริยะภาพแห่งการผลิต มากที่สุด กว่า 15 ตัว ในโซน Assembly Arms @ Automation World ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมล่าสุด “I-Pulse Machine” เครื่องหยิบและวางชิปส์ลงบนบอร์ด (Pick and Place) ทำงานด้วยความเร็วสูง จากประเทศญี่ปุ่น ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ เทคโนโลยีเลเซอร์ โพรบ สแกน วิวัฒนาการล่าสุด ตรวจวัดความแม่นยำชิ้นประกอบยานยนต์ เป็นต้น
นอกจากนั้น นักอุตสาหกรรมยังจะได้รับความรู้ใหม่ ๆ จากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ในการประชุมทางวิชาการที่จัดภายในงานกว่า 90 หัวข้อ โดยมีหัวข้อสัมมนาพิเศษอาทิ เทรนด์และการเติบโตในอนาคตของระบบการประกอบแบบลูกผสม หรือ Hybrid Assembly เวิร์คช้อปการแก้ไขปัญหาในการใช้เครื่องฉีดผลิตแม่พิมพ์ การบริหารจัดการคุณภาพการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับยานยนต์ด้วยเทคโนโลยี CAE การใช้วัสดุอัลลอยย์ในการขึ้นรูป และการนำระบบ Embedded ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพในโรงงานผลิต เป็นต้น
ทั้งนี้กิจกรรมพิเศษภายในงานที่ออกแบบมาเพื่อช่วยนักธุรกิจและนักอุตสาหกรรมยกระดับขีดความสารถในการแข่งขัน ได้แก่ Intelligent Software Community หรือ ชุมชมซอฟต์แวร์อัจฉริยะสำหรับการผลิตแม่พิมพ์ชิ้นส่วนยานยนต์ ในงาน InterMold Thailand Product Investment Zone ในงาน InterPlas Thailand ส่วนแสดงพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่หลายแบรนด์ดังในเอเชีย BUILD Marketplace หรือตลาดกลางซื้อขายชิ้นส่วนยานยนต์โดยหน่วยงาน BUILD ของ BOI ในงาน Automotive Manufacturing IT for Manufacturing-Business Matchmaking ในงาน NEPCON Thailand ที่จับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ โดยเขตอุตสาหกรรมซอฟแวร์ประเทศไทย และ Assembly Arms @ Automation World ในงาน Assembly Technology ส่วนแสดงพิเศษรวมไว้ซึ่งแขนกลจากหลายแบรนด์ดังระดับโลก
“การจัดงานแสดง 5 อุตสาหกรรมหลักครบวงจรดังกล่าว นับเป็นการสนับสนุนนโยบายภาครัฐ และยังเป็นการเสริมศักยภาพผู้ประกอบชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อก้าวสู่การยกระดับไทยสู่การเป็นดีทรอยนต์แห่งเอเชีย ซึ่งงานนี้มีผู้ประกอบการกว่า 400 บริษัท มากกว่าพันแบรนด์ระดับโลกร่วมงาน และคาดว่ามีผู้มาชมงานกว่า 45,000 ราย และคาดว่าจะมีเงินสะพันมากกว่า 1,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาจัดงาน 4 วัน โดยยังไม่รวมการเจรจาซื้อขายที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลังจากงานนี้อีกหลายพันล้านบาท” นางนิชาภากล่าว
เกี่ยวกับ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด รี้ด เทรดเด็กซ์ เป็นผู้นำด้านการจัดงานแสดงสินค้าและการประชุมในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นสมาชิกของกลุ่ม รี้ด เอ็กซ์ซิบิชั่น ที่มีสำนักงานอยู่ใน 26ประเทศทั่วโลก ซึ่งมีการจัดงานแสดงสินค้าปีละ 450งานครอบคลุม49อุตสาหกรรม ใน32ประเทศ รี้ด เทรดเด็กซ์วางแผนการจัดงานระดับชาติปีละ10งาน ในปี2549เติบโตประมาณ 20% ตั้งเป้าเติบโตในปี 2550ประมาณ 15-20%