KTAM ขายตราสารหนี้ในปท.6เดือนชู2.65% พร้อมคืนเงินKT-Trigger2เข้าเป้าก่อนกำหนด

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 19, 2011 14:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--บลจ.กรุงไทย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6เดือน 1 ( KTSIV6M1 ) ระหว่างวันที่ 18 - 22 เมษายน 2554 โดยเป็นกองทุนประเภท Roll Over ทุก 6 เดือน ซึ่งกองทุนนี้จะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐระยะสั้น เงินฝากสถาบันการเงินที่ได้รับความคุ้มครองโดยสถาบันประกันเงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคาร และ/หรือตราสารหนี้เอกชนที่มีอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ดี โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.65% ต่อปี และไม่เสียภาษี กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือมีเป้าหมายต้องการพักเงินระยะสั้นเพื่อหาโอกาสลงทุนที่เหมาะสมต่อไปในภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ไทยค่อนข้างเงียบ มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากติดเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ประกอบกับตลาดคาดการณ์การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 Bps มาเป็น 2.75% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่ 20 เมษายน 2554 ส่งผลให้นักลงทุนส่วนใหญ่รอจังหวะเข้าซื้อเมื่ออัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินไหลเข้าจากต่างประเทศที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันอัตราผลตอบแทนไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะตราสารระยะสั้น นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย 10 เอ็ม 10 % ทริกเกอร์ ฟันด์ ( KT-Trigger2 ) เมื่อเดือนกันยายน 2553 โดยมีเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้ได้ผลตอบแทนที่10% ภายในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งบริษัทสามารถปิดกองทุนได้ก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารกองทุน ให้มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 11.00 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน จากมูลค่าหน่วยลงทุน ในช่วง IPO ที่ราคา 10.00 บาทต่อหน่วย และเป็นไปตามที่คณะกรรมการก.ล.ต. กำหนด โดยบริษัทจะทำการสับเปลี่ยนเงินลงทุนของผู้ถือหน่วย พร้อมผลตอบแทน ไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยเซฟวิ่งฟันด์ ในวันที่ 25 เมษายน 2554 กองทุนนี้ ผู้จัดการกองทุนมีการบริหารแบบ Active Management มีการจับจังหวะในการลงทุน (Market Timing) และเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ประกอบกับมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Asset Allocation)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ