กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--เอ็ม พิคเจอร์ส
จัดจำหน่ายโดย บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด
ชื่อภาษาไทย ซิ่งโคตรเทพ ล้างบัญชีชั่ว
ภาพยนตร์แนว แอคชั่น
จากประเทศ สหรัฐอเมริกา
กำหนดฉาย 28 เมษายน 2554
ณ โรงภาพยนตร์ ทุกโรงภาพยนตร์
นักแสดง Nicolas Cage (Leaving las Vagas, Adaption,Kick Ass), Amber Heard (Zombie Land) และ William Fichtner (Black Hawk Down, The dark Night, Amagedon)
ผู้กำกับ Patrick Lussier (My Bloody Valentine)
จุดเด่น
Drive Angry 3D เป็นภาพยนตร์ ผจญภัย แอ็คชั่น 3 มิติ เรื่องใหม่ จาก แพทริก ลุซซิเออร์ ผู้กำกับจาก My Bloody Valentine นำแสดงโดย นิโคลัส เคจ ที่จะมาบู๊ล้างผลาญแบบเอาใจคอหนังแอ็คชั่นให้ได้สะใจกัน
เรื่องย่อ
เมื่อลูกสาวของ มิลตัน (เคจ) ถูกฆาตกรรม และแย่งชิงหลานสาวตัวน้อยไป เพื่อทำการสังเวยในคืนจันทร์เต็มดวง ที่จะมาถึงในอีก 3 วัน ภารกิจนี้จึงตีตราด่วนสุดๆ มิลตั้นร่วมมือกับไพเพอร์ (แอมเบอร์ ฮาร์ด) สาวเสิร์ฟสุดสวยที่ลงทุนขโทยรถของแฟนเก่าเพื่อช่วยมิลตั้น พวกเขาต้องรีบตามล่า โจนาห์ คิง หัวหน้าลัทธิ (บิลลี่ เบิร์ก) ที่เชื่อว่าชะตากรรมของเขาคือใช้เด็กทารกปลดปล่อยนรกขึ้นสู่โลก แต่ลัทธิกระหายเลือดนั่นเป็นเพียงแค่หนึ่งในศัตรูของมิลตั้นเท่านั้น ตำรวจเองก็ยังตามล่าเขาอยู่ และที่ร้ายสุดคือนักฆ่าที่มีฉายาว่า “นัก (คิด) บัญชี” (วิลเลี่ยม ฟิชต์เนอร์) ที่ถูกส่งมาโดยปิศาจเพื่อนำมิลตั้นมายังนรก ด้วยอำนาจที่ได้มาจากปิศาจ “นักฆ่าต้องไล่ตามมิลตั้นอย่างไม่ลดละเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จให้ได้มิลตั้นจึงต้องใช้พลังของเขาและรถคันโตเพื่อจัดการเจ้าฆาตกร ก่อนที่หนทางแห่งการไถ่บาปของเค้าจะหมดสิ้น
Drive Angry
Drive Angry เรื่องราวของ พ่อผู้คั่งแค้น กับรถซิ่ง เทอร์โบ ด็อจ ชาร์เจอร์ ปี 69 ที่ตะบึงออกถนนไล่ล่าวายร้ายที่ฆ่าลูกสาว และ ลักพาตัวหลานของเขาไป ในภาพยนตร์ล่าสุดของผู้กำกับฯ แพทริค ลูเซียร์ และ ทอดด์ ฟาร์เมอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังหนังทำเงิน My Bloody Valentine 3-D
ภาพยนตร์ Drive Angry จะพาผู้ชมซิ่งรถออกสู่ถนนไฮเวย์ ไปกับรถแต่งซิ่ง แรงม้าสูง ให้อรรถรสครบทั้ง นักฆ่า ฉากไล่ล่า ปืนกระบอกยักษ์ และอารมณ์ขันร้ายๆ มาขึ้นจอภาพยนตร์สามมิติ 3-D ที่อาจทำให้สายตาคุณทะลุออกมานอกเบ้าได้
เพราะมัวแต่หลบหนีโทษทัณฑ์ จอห์น มิลตัน (นิโคลาส เคจ) จึงจำเป็นต้องห่างกับลูกสาวตั้งแต่เธอยังเป็นวัยรุ่น และบัดนี้ ถึงเวลาที่เขายอมแลกทุกอย่าง พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน เพื่อช่วยหลานสาวของเขาจากกลับคืน จากน้ำมือของพวกคนร้ายกระหายเลือดที่จะเอาหลานสาวเขาไปสังเวยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่จะมาถึง ด้วยเวลาเพียง 3 วันที่เหลืออยู่
มิลตันได้ความช่วยเหลือจาก ไปเปอร์ (แอมเบอร์ เฮิร์ด) สาวเสิร์ฟสวยเซ็กซี่ ที่มาพร้อมกับรถแต่งซิ่งแรง เพื่อไล่ล่าเจ้าฆาตกรโฉด โจนาห์ คิง ( บิลลี่ บรูค) ยังไม่นับว่า มีอีก1 ปีศาจที่เฝ้าติดตามไล่ล่า มิลตันอยู่
ทุกขณะที่เข็มนาฬิกาเคลื่อนไป มิลตัน และไปเปอร์ แกะรอย โจนาห์ คิง จาก โคโรราโด ไป หลุยเซียน่า ระหว่างเส้นตามล่าฆาตกรคนร้ายสุดโหด ยังมี ชายลึกลับ ที่รูปลักษณ์สัณฐาน ดูเป็น สมุหบัญชี ( วิลเลี่ยม ฟิชเนอร์) ผู้ซึ่งมาพร้อมกับ พลังเหนือมนุษย์ คอยติดตามพวกเขามาอีก
ไม่ว่า อย่างไร มิลตัน ยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้เจอ คิง และ กองทัพสมุนโคโยตี้ ของเหล่าร้าย เพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะไถ่ถอนทุกอย่างที่ค้างคา
Drive Angry แสดงนำโดย นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ นิโคลาส เคจ (Leaving Las Vegas, National Treasure) , แอมเบอร์ เฮิร์ด (Pineapple Express) วิลเลี่ยม ฟิชท์เนอร์ (Crash, Black Hawk Down) , บิลลี่ บรูค (The Twilight Saga) , เดวิด มอร์ส (Disturbia) และ ทอม แอคกินส์ (My Bloody Valentine 3D). ผลงานกำกับฯ โดย แพทริค ลูเซียร์ (My Bloody Valentine 3-D) จากบทภาพยนตร์ที่เขียนร่วมกับ ท็อดด์ ฟาร์เมอร์ (My Bloody Valentine 3-D)
กำกับภาพโดย ไบรอัน เพียร์สัน (I Am Legend) ลำดับตัดต่อภาพ โดย เดวิน ซี.ลูเซียร์ (Prince of Persia: The Sands of Time) และ แพทริค ลูเซียร์ ออกแบบงานสร้าง โดย นาธาน อามอนด์สัน (Tekkan) ออกแบบเสื้อผ้า แมรี่ อี.แม็กลีย์ (Resident Evil: Apocalypse) ดนตรีประกอบ ไมเคิล วอร์ดมาเชอร์ (Piranha)
อำนวยการสร้าง เรเน่ เบสสัน (The Mechanic) , ไมเคิล เดอ ลูก้า (Ghost Rider, Brothers) และ อาวี่ เลอร์ เนอร์ (The Expendables, Brooklyn’s Finest)
ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต โบอาส เดวิดสัน (The Expendables), แดนนี่ ดิมโบร์ท (Stone), อดัม ฟิลด์ (Donnie Darko), โจ กัตต้า (Solitary Man) ดิเอโก มาติเนส (The Bad Lieutenant: Port of Call—New Orleans) และ เทรเวอร์ ช็อร์ท (The Mechanic)
เบื้องหลังงานสร้าง
ผู้กำกับฯ แพทริค ลูเซียร์ และ นักเขียนบท ท็อดด์ ฟาร์เมอร์ เริ่มพูดคุยกันถึงโปรเจคหนังเรื่องที่สอง ที่ทั้งคู่จะทำร่วมกันหลังจากประสบความสำเร็จจากการร่วมงานกันครั้งแรกจากหนังทำเงิน เรื่อง My Bloody Valentine 3-D หนังเขย่าขวัญที่ทำเงิน มากกว่า 100 ล้านเหรียญทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งคู่ ศึกษาลึกลงไปเพื่อค้นหาประสิทธิภาพของ เทคโนโลยี่สามมิติ 3-D เพื่อ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี่ ว่า จะสามารถพาหนังไปได้ถึงเพียงไหน
เมื่อการพูดคุยมาถึงหนังแอ็คชั่น ไล่ล่าเลือดเดือดพล่าน อย่างที่ทั้งคู่เติบโตมา ไอเดียของ Drive Angry ก็บังเกิดขึ้น
“ท็อดด์ และผม เราระดมหัวคิดกัน ว่า อะไรคือ สิ่งเราอยากทำกันต่อไป”
ลูเซียร์ กล่าว “ เราเริ่มพูดคุยถึงหนังแอ็คชั่น ช่วงปี 1967 ถึงกลางยุค 70 พวกหนังบู้ที่แสดงนำ โดย สตีฟ แม็คควีน และ ชาร์ลส์ บรอนสัน หนังที่มีฉากขับรถไล่ล่า เหล็กชนเหล็ก แบบที่ดูก็รู้ว่า ไม่ใช่ภาพที่วาดโดยคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ CGI สร้างขึ้นมา คุณรู้สึกได้ว่า คนที่อยู่ในรถนั้น เป็นมนุษย์ที่ขับรถมาด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่มนุษย์จะกล้าทำได้ พวกเราตัดสินใจทันทีว่า จะทำหนังอย่างนี้ แต่จะทำในรูปแบบของสามมิติ 3-D ”
ฟาร์เมอร์ และ ลูเซียร์ ถึงจะเคยประสบความสำเร็จกับหนังเขย่าขวัญ แต่ทั้งคู่ไม่เคยทำหนังแอ็คชั่นมาก่อนเลย จนกระทั่ง ครั้งนี้ แม้ว่า ทั้งคู่ต่างเป็นแฟนตัวยงของหนังแอ็คชั่น
“ ครั้งแรก ที่ผมย้ายมา แอลเอ ทำงานเขียนบท ผมฝันเห็นภาพตัวเอง เขียนบทหนังแอ็คชั่น” ฟาร์เมอร์ กล่าว
“ผมอยากจะเขียนบทหนังในแบบที่ตัวเองเติบโตมากับมัน แต่มันไม่มีใครสร้างหนังอย่างนั้นแล้ว หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังพวกนี้ คือ พระเอกไม่ได้ต้องเป็นคนดีเสมอไป หนังทุกวันนี้ พระเอกเป็นคนดีสะอาด แต่ตามหลักการของผม เมื่อพระเอกไม่ได้เป็นคนดีมาก มันเขียนบทได้สนุกกว่า และ เอื้อให้เราสร้างบทบาทต่างๆ ให้นักแสดงได้ทำอะไรมีรสชาติมากกว่า”
เมื่อใส่ความเป็นสามมิติ 3Dเข้าในไปหนังแอ็คชั่น สไตล์โรดมูฟวี่ยุค 70 พวกเขารู้ดีกว่า มันรวมเอา องค์ประกอบความเร้าใจ หลอมรวมคนดูเข้ากับโลกอันดุเดือดที่หนังได้จะสร้างขึ้นมา
“ มันเป็นหนังแอ็คชั่น โรดมูฟวี่ ย้อนกลับไปเป็นแบบหนังยุค 70 แต่มันไม่เคยถูกสร้างเป็นแบบ 3D มาก่อนเลย” ลูเซียร์ กล่าว “ หนังจะพาผู้ชมเกาะติดรถเดินทางไปกับ นิโคลาส เคจ ออกซิ่งไล่ล่าคนร้าย โดยมีสาวเซ็กซี่อย่าง แอมเบอร์ เฮิร์ด และ บิลลี่ บรูค”
การนำเทคโนโลยี่ และ เทคนิคใหม่ๆ เข้ามาเป็นการยกระดับความท้าทาย ให้กับ ลูเซียร์ และ ฟาร์เมอร์
“ เรามีไอเดียจะสร้างสิ่งที่เราถนัด เรียนรู้มาแล้ว เพราะเราไม่ใช่มือใหม่ เรื่องแรก” ฟาร์เมอร์ กล่าว “ หนังสามมิติ 3D มันเป็นเรื่องของการสร้างเสน่ห์ สร้างกิมมิค แล้วความดื่มด่ำ จัดจ้านกว่าที่เคยมีมา My Bloody Valentine อาจจะเป็นหนังที่เน้นความสนุก แต่เทคโนโลยี่ ช่วยยกระดับหนังขึ้นไปให้เป็นโลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งกับหนัง Drive Angry เราตั้งใจจะทำทั้ง 2 อย่าง”
ผู้สร้าง เริ่มจากความคิด สร้างตัวละคร แอนตี้ ฮีโร่ จอห์น มิลตัน ซึ่งไม่ใช่คนดี เป็นคนที่หนีโทษทัณฑ์มาเพื่อช่วยชีวิตลูกสาวตัวเอง
“เขาแค่โจ คนธรรมดา ที่มีพันธะกิจล้างแค้น และ เขาก็จะทำมันให้สำเร็จด้วย” ฟาร์เมอร์ กล่าว
ทันทีที่ ลูเซียร์ และ ฟาร์เมอร์ เริ่มเล่นสนุกกับไอเดีย ที่จะเอาเรื่องราว ดราม่าบีบน้ำตาพื้นๆ มาเปลี่ยนโลกหนังแอ็คชั่น ฉากไล่ล่า การทวงคืนความแค้น แบบกัดไม่ปล่อยของ มิลตัน , ยังมีตัวละครที่เป็น เงามืดลี้ลับที่ภายนอกดูเป็น แค่สมุหบัญชี แต่กลับมีพละกำลังเหนือมนุษย์
“ ตัวละคร สมุหบัญชี จะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงตัวมิลตัน จากที่เคยเป็นมา” ลูเซียร์ กล่าว “ เราอยากจะให้ตัวละครนี้ มีพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งเราจะสามารถเล่าย้อนไปเฉลย ตัวละคร มิลตัน (ที่ นิโคลาส เคจ รับบท) ว่าเขาเคยอยู่ที่ไหนมาก่อน...ที่ใดที่หนึ่ง ”
“เราถกเถียงกัน ถึงไอเดีย ที่เราคิด อย่างเช่น ถ้าหากว่า ถ้าไม่ใช่หนีคุกมาล่ะ แล้วเป็นที่ไหน ที่เขาหนีมา?” ฟาร์เมอร์ พูดต่อ “ ถ้าหากว่า เป็นนรกล่ะ ? นึกภาพดูซิ!”
เมื่อมีบทหนังอยู่ในมือ พวกเขาก็ไปพบกับผู้สร้าง ผู้ซึ่งโดดเข้าร่วมสมาคม สมคบคิดไอเดียนี้ด้วย เขาคือ ไมเคิล เดอ ลูก้า หนึ่งในผู้สร้างที่มีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด เดอ ลูก้า เคยมีเครดิตสร้างหนังดัง อย่าง Ghost Rider, 21 หรือหนังที่นักวิจารณ์ชื่อชอบ อย่าง Brothers ตามมาด้วย Moneyball และ Fright Night
“ เราถามไมค์ เดอ ลูก้า ว่า มีอะไรที่เขาจะเพิ่มเติมกับเรื่องนี้ไหม” ฟาร์เมอร์ กล่าว” เขาไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่า ไปถ่ายกันเถอะ เราไม่เคยได้ยินผู้สร้างพูดแบบนี้มาก่อนเลย ไม่เคยมีมาก่อน”
เดอ ลูก้า กล่าว “ตอนที่ผมอ่านบทเรื่องนี้ ผมรู้ทันทีว่า เราสร้างมันแน่ มันเป็นหนังแบบที่ผมอยากดู บวกกับ ผมมั่นใจว่า นิโคลาส เคจ จะชอบบทนี้ด้วย เพราะผมรู้ว่า เขาชอบรถมากขนาดไหน”
ทีมงาน ได้นึกภาพของ นิโคลาส เคจ นักแสดงออสการ์ผู้นี้ ให้อยู่ในบทบาท จอห์น มิลตัน ตั้งแต่ต้น “ ตั้งแต่ ครั้งแรก ที่ เดอ ลูก้า กับผม ไปคุยเรื่อง Drive Angry กับ นิค (นิโคลาส เคจ) เราก็รู้ทันทีว่า เจอแล้ว คนที่มีความคลั่งไคล้ในหนังเรื่องนี้ ร่วมทีมกับพวกเราได้เลย” ลูเซียร์ กล่าว “ เขาเป็นพระเอกที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับหนังของเรา”
นิโคลาส เคจ เป็นที่รู้กันว่า สนใจในเรื่องราวสิ่งอาถรรพ์ และได้เคยแสดงหนังที่มีธีมเกี่ยวกับ เรื่องราวปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ อย่าง Ghost Rider, Knowing และ The Sorcerer’s Apprentice
“ ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังรู้สึกช็อคกับบทหนังเรื่องนี้นะ” เคจ กล่าว “ มันไม่เหมือนบทหนังเรื่องไหนที่เคยอ่านมาก่อนเลย แต่มันเยี่ยมมาก มันทำให้ผมรู้สึกคันไม้คันมือ อยากจะทำมันเป็นหนังจริงๆ”
“Drive Angry เต็มไปด้วยพลัง และความแรง และตลกด้วย” เขา กล่าวเสริม “ ผมรักอารมณ์ขันที่อยู่ในหนัง เพราะมันเป็นสิ่งที่ พาหนังไปได้สุดขีดที่จะไปได้ มันเป็นการไม่อ่อนข้อให้กับสิ่งใดๆ ผมหวังว่า นั่นจะทำให้คนดูหัวเราะกับฉากเหล่านั้น นี่เป็นหนังสำหรับคนดูหนังหลังเที่ยงคืน (หมายถึง หนัง Cult เฉพาะทาง — ผู้แปล ) และผมก็สนุกกับการทำหนังให้คนดูกลุ่มนี้”
ในหนัง Drive Angry จอห์น มิลตัน เดินทางไปตามเส้นทางถนนตัดข้ามประเทศ โดยมีสาวสวยเซ็กซี่เป็นคนขับ
“ มันเป็นการเดินทางของการล้างแค้น และ ปลดปล่อย และ ตัวละคร มิลตันเป็นปริศนาลี้ลับ ชวนให้คนดูสนเท่ห์ “ ฟาร์เมอร์ กล่าว “ เราเลือกนำเสนออย่างที่คุณจะไม่มีทางรู้แน่ชัดว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเขา เขาลงเอยด้วยกัน เผชิญหน้ากับสาวสวยเลิศ คนที่ทำให้เขาคิดถึงลูกสาว แต่นั่นก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ชู้สาว ควงกันเที่ยวสนุก แต่เป็นเรื่องของหัวใจระหว่างพ่อ-ลูกสาว แต่นำเสนอด้วยฉากแอ็คชั่น เรต R เลือด , ฉากโป๊ , เซ็กส์ และอื่นๆอีกมากมาย”
ผู้เขียนบทร่วม ได้สร้างตัวละครที่ไม่เหมือนใคร ขับเคลื่อนเรื่องราวให้ดำเนินไปอย่างชวนหัว “ สิ่งที่ไม่ปกติในที่นี้ ก็คือ ตัวละครในเรื่องนี้ต่างก็มีดีกรีความเลวแตกต่างกันไป” ลูเซียร์ เล่าต่อ” ตัวร้ายหลัก โจนาห์ คิง แสดงโดย บิลลี่ บรูค เป็นปีศาจตัวจริง แล้วก็มีความสนุกบันเทิงบ้ามากในตัวเอง ไปเปอร์ ผู้ซึ่งร่วมมหกรรมมหากาพย์ไปกับมิลตัน ก็เป็นหญิงแรง ดูกร้านโลก แต่เซ็กซี่มาก , สมุหบัญชี ที่แสดงโดย วิลเลี่ยม ฟิชท์เนอร์ ที่ตามติดมิลตันทุกฝีก้าว ภารกิจของเขาคือ เอาตัวมิลตัน กลับสู่นรก แต่ก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร แค่ต้องการจะเอามิลตันกลับคืน เพื่อให้บัญชีรายชื่อครบถ้วนลงตัว”
“ และแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย มิลตันก็เป็นคนเลว” ลูเซียร์ พูด ” เขาแค่เป็นคนร้ายคนหนึ่ง ที่พยายามทำดีสักหน แต่ก็ยังเป็นคนเลวอยู่ดี คนเลวแบบที่ควรจะต้องตกนรก ใครๆก็วุ่นวายกับการเอาเขากลับไปที่ควรอยู่ อย่างไม่สนใจว่า เขากำลังทำอะไร และทำไมถึงต้องทำมัน”
มิลตัน และ สมุหบัญชี ต่างก็เป็นเงาสะท้อนกันและกัน ในหลายๆ สิ่ง เป็น การจับคู่คลาสสิค นักล่ากับผู้ถูกล่า “พวกเขาอยู่ระดับเดียวกัน เป็นคนแบบเดียวกัน” ฟาร์เมอร์ กล่าว
“ ทั้งคู่เป็นคนที่มองมุ่งไปแต่เป้าหมายตัวเอง มิลตันต้องการเอาตัวหลานกลับมา โดยไม่สนใจว่า ใครจะขวางทาง หรือมีอะไรอีก เขาทำทุกอย่างไม่เลือก ว่า ต้องฆ่า กำจัดใคร เพื่อไปเอาหลานกลับมา ส่วน สมุหบัญชี ก็จะไปเอาตัว มิลตันคืนให้ได้ไม่ว่า จะต้องทำอย่างไร ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำให้บรรลุผล จนหนังจบ ทั้งคู่ก็รู้เรียนรู้ว่า เพื่อให้ต่างฝ่ายก็บรรลุผลสำเร็จ ทั้งคู่ต้องร่วมมือ ช่วยเหลือกัน”
แต่กว่าจะบรรลุผล ทั้งมิลตัน และ สมุห์บัญชี ก็กวาดล้าง ทำลายผ่านถนน 6 รัฐ ระหว่างเส้นทางที่ไล่จับกันตลอดทาง
“ ธรรมชาติของมนุษย์ เต็มไปด้วยด้านมืด ด้านน่ากลัว” ฟาร์เมอร์ กล่าว
“ อย่างที่ผมบอก หนังเรื่องนี้ มีแต่คนเลว ๆ ไม่เว้น แม้กระทั่งพระเอก แต่ดีกรี ระดับความเลวของแต่ละคน นั่นล่ะ ทำให้มันเป็นเรื่องสนุก แล้วก็สร้างสีสันให้นักแสดงได้เล่นอะไร มันเป็นแก่นหัวใจหลักเลย เรื่องของการได้ปลดปล่อย เพราะตัวละครทั้งหมดได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว”
“ คนดูของเราก็เป็นพวกคอแอ็คชั่น รักการไล่ล่า ชอบดูผู้หญิงสวยๆ “ ฟาร์เมอร์พูดต่อ “ แอมเบอร์ เฮิร์ด รับบท ไปเปอร์ ตัวจริงเธอ เป็นผู้หญิงแบบนั้นเลย ไม่กลัวเสียงปืน ต่อยผู้ชายด้วยหมัดตัวเอง เธอไม่ลังเลที่จะลุย สิ่งใดที่ต้องลุย เธอก็จะลุยเลย”
ลูเซียร์ และ ฟาร์เมอร์ เห็นพ้องที่จะเขียนบทหนังเรื่องนี้กันเอง และตั้งใจจะทำให้เป็นหนังที่พวกเขาเองอยากดู
“ เราเขียนบท อย่างกับ นั่งรถไฟเหาะตีลังกา “ ผู้กำกับฯ กล่าว” มันรุนแรงเกินกว่าจะคาดถึง มันกวนใจคน ตัวละครก็ร้ายกาจ แต่เหนืออื่นใด มันสนกสุดๆ อยากให้ทุกคนนั่งพิงพนักเก้าอี้โรงหนังให้สบาย แล้ว ออกเดินทางซิ่งไปให้สนุกสุดๆ ไปด้วยกันนะครับ”
เกี่ยวกับนักแสดง
เส้นทางซิ่งของ หนัง Drive Angry ถูกจัดสรรอย่างบรรจงคัดสรร ตัวละครมีความแน่วแน่บ้าบิ่น ไม่ยอมหยุดให้กับอะไร จนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ ตัวละครแต่ละคน ต่างก็แข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ ไม่อ่อนข้อให้กับอะไร องค์ประกอบเหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนผสมชั้นเลิศของหนังฮอลลีวู้ด
“ผมรู้สึกโชคดีเป็นบ้าที่ได้ทีมนักแสดงนี้มา” ลูเซียร์ กล่าว “ เริ่มจากเราได้ นิโคลาส เคจ มารับบท จอห์น มิลตัน ผู้ชายที่ลูกสาวถูกฆาตกรรมโดยวายร้ายโหดเหี้ยม เขาไม่เพียงตามล้างแค้น แต่ยังต้องไปเพื่อช่วยชีวิตหลานคนเดียวที่ถูกวายร้ายคนนั้น จับตัวไป ด้วยพันธะกิจนี้ มิลตันต้องมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อจะไปช่วยชีวิตเด็กคนนั้นให้ได้”
สำหรับ นิโคลาส เคจ ทีมงามสร้างได้พบนักแสดงที่มีความฉลาด ตั้งใจจริง และ ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์สมจริงในทุกๆบทบาท
“ นิค ทำให้มิลตัน เป็นคนที่คุณจะอดเห็นใจเขาไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะหยาบคาย ร้ายกาจขนาดไหน “ ผู้กำกับฯ พูดถึงนักแสดง นิโคลาส เคจ “ เขายังมีเสน่ห์มัดใจผู้ชม ที่คุณถูกดึงดูดไว้ ไม่ว่า เขาจะทำอะไร ไม่ว่า มันจะดูเถื่อนร้ายกาจยังไง ก็ยังอดเอาใจช่วยอยู่ข้างเขาไม่ได้”
เคจ มักจะมาถึงกองถ่าย อย่างนักแสดงที่เตรียมตัวพร้อม และ มีพลังเปี่ยมไปด้วยความคิด ไอเดียมากมาย เกี่ยวกับ จอห์น มิลตันผู้ลึกลับ เขาทำการบ้านอย่างหนักว่า มิลตัน จะเป็นอย่างไร
“ เขามักจะพูดประโยค ว่า ผมได้คิดฉากนั้นมาแล้วนะ เราก็แค่เริ่มถ่ายทำกันเลย ผมรู้สึกเยี่ยม เวลาเห็นเขาเป็นมิลตัน เขาเป็นมิลตันได้ดีกว่าที่เราเขียนในหน้ากระดาษอีก หลายๆ ครั้งที่นักแสดงเข้ามาแล้วแสดงได้ดีกว่าที่คุณเขียนบท แต่ นิค เป็นนักแสดงแบบนั้นเลย”
ผู้กำกับฯ ลูเซียร์ มีความชำนาญในเทคโนโลยี่ สามมิติ 3D และการออกแบบภาพคอมพิวเตอร์วิชวล ที่จะใช้สำหรับ ตัวนิโคลาส เคจ แต่เขาก็ไม่ใช่เทคโนโลยี่ นำหน้าความรู้สึกที่จะให้นักแสดงได้แสดงออก นิโคลาส เคจ กล่าวว่า
“ เขารู้กฎสำคัญในการกำกับฯ นักแสดง อย่าควบคุมนักแสดงจนเกินไป ปล่อยให้นักแสดงได้แสดง จนรู้สึกพอใจ แล้วถ้าเขาต้องการอะไร ก็เข้ามากำกับฯควบคุม เขาก็จะทำ แพทริค สนับสนุนนักแสดงทุกคนให้มีความคิดของตัวเอง และ ปล่อยให้งานออกมา การทำงานแบบนี้ ช่วยให้ผมได้ทำงานอย่างปลอดโปร่งใจ”
เมื่อมิลตัน ต้องการหนีให้พ้นจากนรกที่ไล่ล่าเขาอยู่ มิลตันเลือกเดินทางไปกับไปเปอร์ สาวเสิร์ฟสุดแสบ ที่มีรถซิ่งแรง และ นิสัยไม่ค่อยงามตามมารยาทสังคมนัก
“มิลตัน รู้ว่า เขาต้องมีคนช่วย” ลูเซียร์ กล่าว “เขาเลือกไปเปอร์ เพราะเธอมีทุกอย่างที่เขาต้องการ ชีวิตเธอก็ปมเงื่อน อย่างไม่คาดคิดเหมือนกัน เธอกับเขา ลงเอยด้วยการออกไปตระเวนบนถนนด้วยกัน”
เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งคู่ มิลตัน และ ไปเปอร์ ได้สร้างสายสัมพันธ์ผูกพันระหว่างกันไว้แน่นหนา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง ไม่เคยเป็นแบบโรแมนติกชู้สาว “ มันเป็นเรื่องของผู้ชายที่ตัดสินจะกอบกู้ความความผิดที่เคยมีกับลูกสาว “ ลูเซียร์ กล่าว “เราต้องการคนที่ดูฉลาดทันกับมิลตัน แต่ก็ให้ความรู้สึกแทนที่ลูกสาวได้ด้วย เราถกเถียงค้นหานักแสดงหลายคน แล้ว แอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ปรากฏขึ้นมาอยู่แถวหน้าทันที เธอมีเสน่ห์ ลักษณะนิสัย ความร้าย ถึงพร้อมกับความสวย”
ครั้งแรกที่เธอได้รับบทหนังไปอ่าน แอบเบอร์แทบไม่ต้องเสียเวลาเล็งเห็นความพิเศษ ของหนัง Drive Angry
“ฉันไม่เคยอ่านบท ตัวละครแบบนี้มาก่อนเลย” นักแสดงสาวกล่าว” ไปเปอร์เป็นสาวคาวบอย ใส่รองเท้าบู๊ท ปากเสีย และ พกปืน ขับรถซิ่ง เป็นสาวเสิร์ฟในเมืองเล็กๆ ไปเปอร์ไม่ใช่คนดีตามแบบฉบับ เธออาจจะต่อยหน้าคุณถ้าคุณไปบอกเธอแบบนั้น เธอไม่กลัวเสียงปืน ไม่กลัวที่จะยิง และยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่เธอเชื่อ”
“เธอเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้ เธอเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ และเธอก็ได้เปลี่ยนมิลตันด้วย เธอเป็นผลลัพธ์ของการผจญภัยของเขา และที่ทำแบบนั้นก็เพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กัน มันเป็นความผูกพันที่แข็งแรงมาก”
เฮิร์ด เป็นตัวแทนที่รวมเอาความกล้า บ้าบิ่น เข้าด้วยกันกับความสามารถในการแสดง และได้คำยืนยันจาก นิโคลาส เคจ ว่า เธอเหมาะกับบทนี้ที่สุด
“แอมเบอร์ แสดงออกได้ทั้งน่าเห็นใจแล้วก็ร้ายกาจ ในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ตรงกับบุคลิกตัวละครนี้เลย” เคจ กล่าว “เธอยังทำให้คนดูรู้สึกเศร้าไปกับตัวละคร ไปเปอร์ ไปเปอร์ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก แต่เธอก็สามารถรับมันได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในหนังเรื่องนี้ เป็นแบบคู่หู คน 2 คนที่ร่วมทางกันโดดเข้าไปหาสถานการณ์น่ากลัว”
ในชีวิตจริง แอมเบอร์ เฮิร์ด เองก็ขับรถ muscle car*** รถคลาสสิคแต่งซิ่ง และมีทักษะหลายๆอย่างที่ตรงกับ ตัวละครไปเปอร์
“ ตัวอย่างเช่น เธอยิงปืนเก่ง ยิงปืนได้ทุกชนิดในโลก “ ลูเซียร์ กล่าว “ บางส่วนในชีวิตจริงเธอตรงกับตัวละครนี้ ซึ่งทำให้ไปเปอร์ มีความลึกซึ้ง จริงจังมากกว่าที่เราเคยคาดหวังไว้”
เฮิร์ด ตามที่เธอประกาศตัว ว่าเป็น “สาวเท็กซัส” บอกว่า หนังเรื่องนี้ เป็นโอกาสพิเศษ หนึ่งในชั่วชีวิต
“ ฉันรักความเร็ว ชอบปืน และ เสียงดังของมัน การได้อยู่ในฉากแอ็คชั่น มีทั้ง พลังเหนือธรรมชาติ และ มี นิโคลาส เคจ ในรถ รุ่นชาร์จเจอร์ ปี 69 “ เฮิร์ด กล่าว “ นิคเป็นนักแสดงที่มีการเตรียมตัวพร้อมที่สุดที่ฉันเคยทำงานมา เขาแสดงให้เราเห็นการทำงานอย่างจริงจัง และ ไม่ธรรมดา ฉันรู้สึกขอบคุณ ฉันเหมือนอยู่ในสรรค์ ได้นั่งอยู่รถอย่างนั้น พวกเขาคือ Charger ผู้เพิ่มพลังให้ฉัน”
ตัวละครที่ไม่ธรรมดาอีกคนในเรื่องนี้ สมุหบัญชี ที่รับบทโดย วิลเลี่ยม ฟิชท์เนอร์ ผู้ซึ่งอาจจะอยู่เหนือความคาดหมายมากที่สุด ตัวละครนี้ ถูกส่งมาจากนรก เพื่อมาเอาตัว มิลตัน กลับคืนไป บทบาท สมุหบัญชี ของ ฟิชท์เนอร์ เป็นภูติไม่มีชีวิต และพกเอาพลังเหนือธรรมชาติ มาพร้อมกับเครื่องแต่งกายเนี๊ยบกริบ ทำให้เขาดูเป็นตัวละครตลกร้ายที่สุด
“ เขาเป็นตัวละครที่เท่ห์ที่สุด ตื่นเต้นที่สุด บ้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน เพี้ยนประหลาด แต่ตัวละครทุกคนในเรื่องนี้มีเหตุผลให้ต้องมาอยู่รวมกันที่นี่ บทหนังที่ดีเยี่ยมถึงจะทำแบบนี้ได้ จะหยิบทุกอย่างมาอยู่ร่วมกันไว้ตรงหน้าคุณ คุณก็แค่สนุกกับมัน” ฟิชท์เนอร์ กล่าว
แต่..ฟิชท์เนอร์ ไปหาศึกษาตัวละครแบบ สมุหบัญชี คนนี้จากไหนล่ะ ?
“ ตัวละครของผม มันไม่มีอ้างอิงในโลกนี้ “ ฟิชท์เนอร์ พูดต่อ” ไม่มีต้นฉบับ แม่แบบ สำหรับคนๆนี้ คุณต้องใช้จินตนาการ เติมแต่งขึ้นมาบนความว่าง เปล่า ผมได้พูดคุยกับ แพทริค และ ท็อดด์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก ที่ได้มีอิสระในการสร้างงานแบบนั้น”
“มีหลายๆ อย่างที่รวมกันขึ้นมา เป็นตัวละครนี้ เช่น สมุหบัญชี เคลื่อนไหวไม่เหมือนมนุษย์มนาทั่วไป เขาก้าวลงจากรถที่กำลังวิ่งอยู่แล้วเดินต่อสบายๆ นิ่มๆ ที่ผมทำก็คือ หาจังหวะนั้นให้เจอ แล้วก็แสดงออกไปให้ดูง่ายๆ ปกติ”
โจนาห์ คิง หัวหน้าเหล่าร้าย ที่สังหารลูกสาวของมิลตัน และ วางแผนจะสังเวยหลานสาวมิลตัน ให้กับลัทธิความเชื่อ เขายังปลุกเร้าความคิด เหล่าลูกสมุนว่า จะนำไปสู่โลกใหม่
“ ในบทร่างแรก โจนาห์ เป็นพวกปลิ้นปล้อน ลวงโลก “ ฟาร์เมอร์ กล่าว” แต่หลังจากเราจัดวางตัวละครอื่นๆ เราเขียนให้เขาเป็นคนที่เชื่อทุกอย่างที่ตัวเองพูด”
บิลลี่ บรูค ผู้รับบท โจนาห์ คิง เล่าถึงครั้งแรกที่เขาอ่านบทเรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรก คือ “พวกนั้นจะทำบทนี้เป็นหนังจริงๆ หรือ? มันเหมือนอ่านการ์ตูนเลย แต่ก็ไม่ได้แค่การ์ตูน แต่ยิ่งผมอ่านไป เรื่องมันยิ่งเจ๋งมากขึ้น มันไปไกลเหนือขอบเขตของหนังที่สร้างๆ กันอยู่ทุกวันนี้”
การออดิชั่น ทดสอบบทของ บรูค ทิ้งความประทับใจไว้กับ ลูเซียร์ ซึ่งเล่าว่า “ การอ่านบทของเขาเหลือเชื่อ เขามีสำเนียง จองหอง ล่อลวง น่าหวาดหวั่น และ มีพลังอย่างสูง ผมช็อกไปเลย ตอนที่เขาบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอ่านบทเรื่องนี้ออกมาดังๆ “
บรูค นักแสดงหนุ่ม ได้สร้างตัวละครขึ้นมาจากภาพจำลองบุคลิกคนที่มีชีวิตจริง “ ผมเริ่มคิดว่า โจนาห์เป็นคนอย่างไร ผมก็คิดถึงคนจริงๆ ที่สามารถจับต้อง แยกแยะได้ เหนืออื่นใด ผมคิดว่า เขาเป็นผู้นำลัทธิ จิม โจนส์ เพราะเขามีคุณสมบัติในการทำให้ผู้คนเชื่อถือ คล้อยตาม ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ดังนั้นถ้ามองตามแบบนี้ เจ้าหมอนี่ เปรียบเป็น ร็อกสตาร์ นักร้องเพลงร็อกเจ้าลัทธิเลย ดังนั้น ผมก็เลย ดึงเอาบางส่วนของร็อกสตาร์ จิม มอริสัน มาใช้ด้วยนิดหน่อย”
บรูค เป็นอีกคนที่พูดถึงผู้กำกับฯ ลูเซียร์ ว่า เป็นผู้กำกับฯที่รู้ว่า จะดึงส่วนที่ดีที่สุดจากนักแสดงได้อย่างไร
“เขาดูจะเข้าใจสิ่งที่ผมกำลังจะทำได้เป็นอย่างดี หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆ โน้มน้าว ให้ได้อย่างที่เขาต้องการ แพทริค เลือกคนที่เขาต้องการมารับบท แล้วก็ให้ความเชื่อมั่น ปล่อยให้เราทำงานไปถึงที่สุดที่จะทำได้ เขามีภาพที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าผมทำอะไรหลุดออกไปไกล นอกเหนือจากที่เขาต้องการ เขาก็จะดึงผมกลับมา หรือ ถ้าเขาต้องการอะไรมากกว่านั้น เขาก็จะให้สะกิดผมนิดหน่อยให้เข้ามา คล้ายเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักแสดง”
นั่งเอนหลังในเบาะรถซิ่ง
จากโคโรราโด ไป หลุยเซียน่า ตัวละครใน Drive Angry แล่นไปบนถนน โดยใช้พาหนะทุกชนิด ตั้งแต่ muscle cars รถเก่าคลาสิคแต่งซิ่ง จนถึง รถบ้าน เพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายของพวกเขา
ด้วยหัวใจแฟนๆ ของหนังรถซิ่ง ยุคดั่งเดิม Drive Angry เลือกสรรพาหนะวินเทจ เช่นตัวอย่าง รถ ดอดจ์ ชาร์จเจอร์ ปี 1969 , Chevelle ปี 1971 , ริเวียร่า ปี 1964 และ เชฟวี่ ปี 1957 รวมทั้ง รถสไตล์ มอร์แกน , รถบรรทุก , รถลินคอน , รถไฮโดรเจน จนถึง ฮุนได โซนาต้า
“ผมไม่ใช่คอรถแต่ง “ ลูเซียร์ ยอมรับ “ แต่ผมชื่นชอบ รูปลักษณ์ของ muscle cars รถคลาสสิคแต่งซิ่ง แล้วมันก็ดูสวย โดดเด้งมาก ในหนังสามมิติ หางที่ยาวเปี้ยวของมัน และส่วนโค้งเรียว ให้ภาพที่สมบูรณ์แบบ สวยสมบูรณ์มากในภาพยนตร์”
แต่...แม้กระทั่งรถก็ยังต้องผ่านการทดสอบหน้ากล้อง ในบทภาพยนตร์ดั่งเดิม Drive Angry กำหนดให้ รถปอนเตีย GTO เป็นรถพระเอก แต่ในการทดสอบภาพสามมิติ / 3-D เทสต์ รถชาร์จเจอร์ 1969 ดูโดดเด้งเงางามออกมา “ เจ้าชาร์จเจอร์ ดูวิเศษมาก ในกล้องสามมิติ เราจึงเปลี่ยนเป็นมัน” ฟาร์เมอร์ เล่า “ เส้นสายของ รถชาร์จเจอร์ พวงมาลัย วงล้อ และทุกๆ ส่วนของมันดูสวยมาก ในสามมิติ”
เพื่อจับเอาความรู้สึกของหนังแอ็คชั่นยุค 70 ขึ้นมา ทีมผู้สร้างจึงให้ความสำคัญ แสดงความคารวะให้แก่เหล่าสตั้นแมนเสี่ยงชีวิต และทีมรถไล่ล่า ในทุกๆ ฉากถ่ายทำ แทนที่จะใช้ CGI คอมพิวเตอร์
“ นั่นหมายถึงว่า นิค เคจ เป็นคนขับรถฝ่าถนน , ทำให้คนกรี๊ดร้อง ทำให้ รถกระดอนขึ้นลง และขับไปด้วยความเร็วเท่าที่จะเหยียบเร่งให้เร็วได้ด้วยตัวมนุษย์เอง” ลูเซียร์ กล่าว “ และนิคก็เป็นนักขับที่ฝีมืออัศจรรย์ อเมซิ่งมาก สิ่งที่ยากที่สุดคือ ไล่เขาให้ทัน เพราะเขาขับเร็วมาก เขาเหยียบสุด ไม่ว่า จะเป็นรถอะไร”
เคจ ไปไกลกว่า คำว่า คอรถ ในฉาก “ ผมเป็นมนุษย์จักรกล กล่าวตาม ฟิชท์เนอร์ ใช้คำนี้เรียกผม มันเป็นคำผสมระหว่าง เครื่องกล กับ ชิ้นส่วน กับชื่อของชิ้นส่วน โรงงานไครซ์เลอร์ พอมีใครถาม ว่า ผมมีรูปลูกอยู่ในโทรศัพท์ไหม ผมตอบว่า ไม่ แต่มีรูปรถ หนึ่งในนั้นเป็นรูปรถรุ่น โรด รันเนอร์ ปี 1970 , ในหนังของเรามี รถชาร์จเจอร์ ปี 1969 4 คันใช้งานในฉาก รวมกับ รถสุดสวย ปี 1970 เชฟวี่ ผมออกจะผิดหวังที่ผมไม่ได้ขับรถคันนั้น แต่ก็ได้ขับ ครูซเซอร์ รถตำรวจ แล้วก็ รถบรรทุกไฮโดรเจน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เจ๋งมาก”
ในส่วนของ แอมเบอร์ เฮิร์ด เธอก็ไม่พลาดโอกาสที่จะได้อยู่หลังพวงมาลัย ของรถสวยๆเหล่านั้น “ ฉันทนไม่ได้ถ้าจะยอมให้สตั้นท์ของฉันมีโอกาสสนุกแทน ” เธอกล่าว
“ ฉันทำงานกับ ผู้ออกแบบคิวสตั้น จอห์นนี่ มาร์ติน ผู้ที่เคยทำหนัง Gone in 60 Seconds เขาสอนฉันทุกอย่างที่คุณไม่ควรจะเรียนขับรถ ทุกอย่างที่จะไม่ใช่การขับรถในชีวิตปกติธรรมดา อย่างการหมุนปั่น , ดีดให้เด้ง, สะบัดปลาย , ทำให้หยุดกะทันหัน , หรือ กระโดด สิ่งเหล่านี้ ฉันได้ฝีกบางช่วงกับ จอห์นนี่ และ ได้หัดบางเทคนิคกับเขา บางทีนั่นอาจจะเป็นความเป็นสาวเท็กซัสที่อยู่ในตัวฉัน ทำให้ฉันเรียนตามทันได้เร็ว ”
ทุกๆส่วนของมาตรฐานความปลอดภัย มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับทั้ง นักแสดง และ รถ ให้ปลอดภัย แต่ความปรารถนาของ แอมเบอร์ เฮิร์ด ที่จะทดลองไปให้สุดขอบความท้าทาย
“ แอมเบอร์เป็นคนที่มีดีกรีความกล้าสูงมาก ซึ่งทำให้น่าห่วง “ ลูเซียร์ กล่าว “ ความกลัว ช่วยรักษาสุขภาพ ช่วยรักษาชีวิตให้คุณมีชีวิตอยู่ อะไรก็ตามที่ต้องทำ เธอมักจะทำสุดๆ แล้วก็กลับมาด้วยคำพูด ฉันทำได้แล้ว”
“เราจะดูให้มั่นใจว่า ปลอดภัยที่สุดที่เป็นได้เสมอ” เขา กล่าวต่อ “ เพื่อปกป้องนักแสดงของเรา เราต้องปกป้องรถด้วย เรามีรถเก่า รถวินเทจที่ยอดเยี่ยม แล้วเราก็ใช้มันเท่าที่ทำได้”
ความต้องการรถต่างๆ มีมากกว่า 50 หรือ จำนวนรถเก่าแก่อายุรวมกันหลายสิปปี ผู้กำกับฯ กล่าว “ มันมีบางครั้งที่ ความท้าทายคือ ต้องเก็บรักษาสภาพรถไว้ให้ดีที่สุด เราทำการถ่ายทำฉากสตั้นกับรถที่ต้องบิน ต้องวิ่งถอยหลัง ณ จุดนั้น เราถ่ายๆ แล้วก็ต้องเสียเวลาหยุดรอ จนจะได้หมุนรถกลับมาเข้าที่จุดเริ่มต้นใหม่ ซึ่งสิ่งแบบนั้น เกิดขึ้นมากกว่า 1 ครั้งในการถ่ายทำ”
“ เรายังมีรถเหลืออีกตั้งหลายคัน” ฟาร์เมอร์ พูดต่อ “ จนถึงวันปิดกล้อง ก็มีลานรถขนาดใหญ่อยู่ข้างๆ เซตถ่ายทำ ทั้งหมดเป็นรถของเรา มันไม่ใช่สุสานรถที่เราทำขึ้นเพื่อถ่ายทำต่อ แต่เป็นรถที่เหลือจากการถ่ายทำของเรา”
นอกจากนักแสดง , รถ แล้ว ก็ยังมีรายชื่อของเหล่านักขับรถมือดี สตั้นแมนที่เชี่ยวชาญในงานที่ใช้ร่างกายท้าทายในการถ่ายทำหนัง
“ เรามีนักขับรถที่เก่งที่สุด นักขับรถกระโดดข้ามรถที่เจ่งที่สุด นักขับรถลุยไฟที่เก่งที่สุด” ฟาร์เมอร์ พูดต่อ “ เราต้องมีพวกเขาทั้งหมดในหนัง มองไปในรายชื่อสตั้น คุณอาจจะคิดว่า เราต้องใช้ทุนสร้างมหาศาล เพราะมันต้องใช้จ่าย แต่พวกเขาเป็นความมหัศจรรย์ของการทำงานกับความเสี่ยง พวกเขาเผชิญหน้ากับความรักตัวกลัวตายของมนุษย์ และไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยเลย หนังเราดูดีได้ก็เพราะพวกเขาเอาร่างกายตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อให้ได้ภาพที่ดี ”
หนังเรื่องนี้ ถ่ายทำในแบบ 3 มิติ ใช้ระบบ Paradise FX เทคโนโลยี่เดียวกับที่ใช้กับหนัง My Bloody Valentine 3-D แต่ ลูเซียร์ เพิ่มเทคนิคภาพเข้าไป อย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
“ มันเป็นเรื่องของการหมกมุ่น” เขากล่าว “ ในตอนจบของหนัง มันเต็มไปด้วยความสับสน อลหม่าน มีควันสโมคลอยทั่วไปทุกแห่ง และเมื่อผมถ่ายใน 3 มิติ ผมต้องแน่ใจว่า เราถ่ายได้ตอนนั้น เพราะผมรู้ว่า เราจะทำแต่งภาพใหม่ในงานโพสต์ไม่ได้ คุณไม่สามารถสร้างมิติความลึกให้กับภาพได้ แต่เมื่อตอนคุณถ่ายทำ 3 มิติ มันจะได้ภาพอย่างนั้นเลยตอนถ่ายทำ”
ไม่เคยมีใครในทีมนักแสดงหนังเรื่องนี้ เคยถ่ายทำกับกล้อง 3 มิติมาก่อน
“ ตอนที่ผมคิดออก ว่า ทำอะไรได้กับเจ้าสามมิตินี่ “ เคจ พูด “ มันเป็นโอกาสได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ คุณจะเริ่มคิดเรื่องความกว้างความยาว และท่าทางของคุณ มันส่งผลอย่างมากกับการแสดง เป็นงานสร้างสรรค์สำหรับนักแสดง เกือบๆ จะเหมือนการเต้นรำเลยทีเดียว”
เหล่านักแสดง ได้แต่ฝากความไว้วางใจในประสบการณ์ของ ลูเซียร์ ให้เป็นผู้นำในการถ่ายทำ 3 มิติ “เขาเป็นเจ้าพ่อ 3 D ตัวแท้ “ เคจ กล่าว “ เขาทำหนังด้วยกล้อง 3 มิติเท่านั้น เขาแสดงออกความสวยงามของรถพวกนี้ ส่วนโค้งสวยงามของมันด้วยรูปแบบ 3 มิติ”
ทำงานในรูปแบบ 3 D ทำให้ เฮิร์ด รับรู้ได้ถึงประสบการณ์ของผู้ชม
“ โดยทั่วๆไป ฉันไม่เคยคิดว่าผู้ชมจะมองเห็นหนังอย่างไร “ เฮิร์ด กล่าว “ แต่เมื่ออยู่ในหนังสามมิติ การที่คุณได้ออกหมัดต่อย หรือ สะบัดเลือดกระเด็นใส่เลนซ์กล้อง คุณจะรู้สึกเหมือนคุณกำลังสะบัดเลือดใส่หน้าผู้ชม ที่กำลังนั่งในโรงหนังแถวที่ 4 ตอนที่คุณถอยรถ ชาร์จเจอร์ ปี 69 ของคุณใส่กล้อง ก็รู้สึกว่า อาจจะทำให้คนที่นั่นแถวหน้าครึ่งหนึ่งของโรงหนังกระโดดจากที่นั่ง มันทำให้คุณรู้สึกมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับผู้คน ตอนที่ฉันเห็นหนัง 3 มิติเป็นครั้งแรก ฉันนั่งอยู่ในแถวหน้าพร้อมแว่นสามมิติ ฉันแทบอาเจียนออกมา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่าง”
“แพทริค มีมุมมองที่แจ่มแจ้ง” ฟิชท์เนอร์ พูดเสริม “ มันเพิ่มมิติให้กับโลกนี้ มันระเบิดด้วยพลังงานใส่ภาพ 3 มิติ มันทำให้เป็นภาพเร้าใจ เซ็กซี่ ดูเท่ห์และ ไม่ธรรมดา”
Drive Angry ถ่ายทำในเมือง เชฟพอร์ท หลุยเซียน่า “ ในเมื่อมันไม่ใช่หนังทุนสร้าง 200 ล้านดอลล่าห์ เราก็ต้องคิดหนักในทุกๆอย่าง” ฟาร์เมอร์ พูด “ เชฟพอร์ท เป็นฐานทำงาน ของเรา สำหรับตระเวนถ่ายทิวทัศน์ที่เราต้องการ ทำให้ดูเหมือนว่า เดินทางจากโคโรราโด ที่ๆหนังเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ จนมาบรรจบ ที่หลุยเซียน่า เป็นสถานที่ถ่ายทำปิดกล้อง ”
แต่ การถ่ายทำในหลุยเซียน่า หมายถึง ทีมงานต้องมีแผนฉุกเฉิน เวลาถ่ายทำฉากภายนอก เพราะเป็นเมืองที่อากาศเปลี่ยนแปลงคาดเดาไม่ได้ ในบางกรณี อย่างที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ความจำเป็นได้ก่อให้เกิดเป็นไอเดียบันดาลใจ
“ หนึ่งในฉากวิกฤติของเรา ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของหนัง คือ ฉากที่เขียนบทไว้ตอนแรกว่า ให้ถ่ายภายนอก “ ลูเซียร์ เล่าความ “ เวลานั้น เราต้องเจอกับสภาพอากาศย่ำแย่ เราอาจจะตายก่อนถ่ายเสร็จ เพราะมันเป็นฉากยาวที่ต้องถ่ายถึง 4 วัน แล้วพอเรามองไปรอบๆ เพื่อหาทางเลือกใหม่ เราก็พบเข้ากับโบสถ์เก่าๆ ดูสวยอัศจรรย์อยู่ข้างถนน และมีไร่องุ่นอยู่ภายนอก เราเลยเขียนบทใหม่ ให้ฉากนั้นเกิดที่นั่น” เขาเล่าต่อ “ และมันก็ออกมาดีกว่าเป็นล้านๆ เท่ากับที่เราเขียนไว้ครั้งแรก มันมีพลังกว่าเดิม เป็นเซอร์ไพรซ์ที่แท้จริง เหมือนได้รับพรพิเศษมา มันเริ่มจากอุปสรรค แต่ผลที่ได้ กลายเป็นหนึ่งในฉากที่ดีที่สุดในหนัง”
อย่างที่บอกไปแล้ว ลูเซียร์ รู้ดีว่า เขาไม่สามารถถ่ายหนังแอ็คชั่น 3 มิติ ด้วยทุนจำกัดจำเขี่ย ถ้าไม่ได้ทีมงานที่มีฝีมือ และ ทุ่มเท
“เราต้องการทีมสตั้นท์ที่เก่ง , ทีมเอฟเฟคฝีมือดี , ยังต้องมีแต่งหน้าเอฟเฟคมือดี , ยังไม่นับ ทีมงาน ตากล้องที่อุทิศตัว “ เขาพูด “ การบริหารจัดการก็ทำได้อย่างอัศจรรย์มาก เหมือนรวมเอายอดฝีมือมาไว้ด้วยกัน เราต่างได้ทำงานกับทีมที่ฉลาดสุด เรายินดีที่จะบอกว่า ถึงเราจะไม่ได้มีอุปกรณ์ไฮเทค ไม่ได้แอ็คชั่น สไตล์ไมเคิล เบย์ ไม่มีระเบิดท่วมจอ แต่เราได้ทำความกล้าเสี่ยง และ เจตจำนงจากใจแท้ๆ!”
เกี่ยวกับนักแสดง
นิโคลาส เคจ (มิลตัน) นักแสดงรางวัลออสการ์ อเคเดมี่ อวอร์ด และหนึ่งในนักแสดงที่มีฝีมือหลากหลาย ทักษะอเนกประสงค์ที่สุดคนหนึ่งวันนี้ เป็นรู้ดีว่า เขามีความสามารถรอบด้าน ทั้งดราม่า และ หนังตลก
เคจ มีผลงานแสดงนำใน The Sorcerer’s Apprentice เป็นการร่วมงานครั้งที่ 7 กับผู้สร้าง โปรดิวเซอร์ดัง เจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ , หนังแอ็คชั่น- ตลก Kick-Ass กำกับฯ โดย แมทธิว เวจห์ หนัง เรื่อง Season of the Witch, กำกับฯโดย โดมินิค ซีน่า , Ghost Rider: Spirit of Vengeance, กำกับฯโดย มาร์ค เนวิลดีน และ ไบรอัน เทย์เลอร์
ในปี 2009 เคจ แสดงนำในหนังดราม่า ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ ของ วอร์เนอร์ เฮอร์โซจ เรื่อง Bad Lieutenant: Port of Call New Orleans เคจ รับบทเป็นนักสืบ ที่ติดทั้งพนันและยา ในนิวออร์ลีน ก่อนหน้านั้น เขาพากย์เสียงในอนิเมชั่น G-Force แนวครอบครัว ผจญภัย อำนวยการสร้างโดย เจอรี่ บรัคไฮเมอร์ และ เรื่อง Astro Boy อนิชั่นที่สร้างจากการ์ตูนคลาสสิค เคจยังแสดงนำในหนัง ไซไฟ เขย่าขวัญเรื่อง Knowing และ หนังแอ็คชั่น Bangkok Dangerous
ปี 2007 เคจ รับบทเป็น จอห์นนี่ บลัซ ใน Ghost Rider เขียนและกำกับฯโดย มาร์ค สตีเว่น จอห์นสัน ภาพยนตร์สร้างจาก คาแร็คเตอร์ดังของ การ์ตูน มาร์เวล และกลายเป็นหนังเปิดตัวทำเงินสูงสุดในสัปดาห์วันหยุด President’s Day ปีเดียวกัน เคจแสดงนำในหนังทำเงินทั่วโลกเรื่อง National Treasure: Book of Secrets
บทบาทการแสดงที่เป็นที่จดจำของ เคจ ในบทคนติดยา ในหนังดราม่า Leaving Las Vegas กำกับฯโดย ไมค์ ฟิจจิส ส่งให้เคจได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชาย รวมทั้งรางวัล ลูกโลกทองคำ และ จากสถาบันนักวิจารณ์หลายแห่ง ทั้งนิวยอร์ค , ลอสแองเจลิส , ชิคาโก้ และ เนชั่นแนล บอร์ด ออฟ รีวิว
เคจ โดดเด่นในสถานภาพนักแสดง เมื่อได้รับรางวัลมาแล้วทั้ง ออสการ์ , ลูกโลกทองคำ , สมาคมนักแสดง (Screen Actors Guild) และ British Academy of Film and Television Arts (BAFTA) ซึ่ง เคจ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ในบทฝาแฝดคู่ ชาร์ลี และโดนัลด์ คัฟแมน ในหนัง สไปค์ จอนซ์ เรื่อง Adaptation ที่แสดงคู่กับ
เมอรีล สตรีฟ และ คริส คูเปอร์
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มีทั้ง ร่วมงานกับ เนล เลอ บูเต้ ใน The Wicker Man, โอลิเวอร์ สโตน ใน World Trade Center, กอร์ เวอร์บินสกี้ เรื่อง The Weather Man และ กับ แอนดรูว์ นิโคล Lord of War เคจยังเคย ให้เสียง Zoc ใน อนิเมชั่น The Ant Bully.
ด้านงานกำกับฯ เคจ เปิดตัวงานกำกับฯเรื่องแรกในปี 2002 เรื่อง Sonny ซึ่งเขาคัดเลือกกลุ่มนักแสดงมากมายมาร่วมงาน อาทิ นักแสดงรางวัลลูกโลกทองคำ เจมส์ ฟรังโก , เมนา ซูวารี , เบรนด้า บลีเธน และ แฮรี่ ดีน สตอนตั้น ภาพยนตร์ได้รับเลือกให้เข้าร่วมงาน เทศกาลหนัง Deauville ปี 2002
เคจ ยังมีผลงานหนังอีกมากมาย อาทิ Next, Matchstick Men, Windtalkers, Captain Corelli’s Mandolin, The Family Man, Bringing Out the Dead, Eight Millimeter, Snake Eyes, City of Angels, Face/Off, Kiss of Death, Guarding Tess, It Could Happen to You, Red Rock West, Honeymoon in Vegas, Raising Arizona, Vampire’s Kiss, Peggy Sue Got Married, Valley Girl, Racing with the Moon, The Cotton Club and Rumble Fish.
การแสดงบทบาทแจ้งเกิดของเขา มาจากบททหารผ่านศึกเวียตนาม เรื่อง Birdy ซึ่งเปิดตัวในฐานะนักแสดงบทดราม่าหนักๆ ภาพยนตร์กำกับฯโดย อลัน ปาร์คเกอร์ Birdy ได้รับรางวัล jury prize จากเทศกาลหนังเมืองคานสส์ และ เคจ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายจากบทคู่รักของ แณร์ ในเรื่อง Moonstruck หนังของ เดวิด ลินช์ เรื่อง Wild at Heart ที่แสดงนำโดย เคจ คู่กับ ลอร่า เดิร์น ก็ได้รับรางวัล Palme d’Or จากเทศกาลหนังเมืองคานสส์ปี1990
รางวัลเกียรติยศอื่นๆ ยังมีปี 1993 ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ จากบทบาทใน Honeymoon in Vegas ได้รับรางวัลเกียรติยศ Lifetime Achievement จากเทศกาลหนัง มอนตรีออล ปี 1996 และรางวัล Distinguished Decade in Film Award ที่ Sho West ในปี 2001 เคจยังเคยได้รับรางวัลเกียรติยศจาก หนังสือ American Cinematheque ปี 2001
ปี 2009 เคจ ได้รับเลือกเป็นทูตองค์การสหประชาชาติ เขาเดินทางไปปฏิบัติภารกิจด้าน ต่อต้านยาเสพติด และ อาชญากรรม ที่ กูลู , อูกันดา , เคนยา และ ไนโรบี ที่เคจได้พบกับเด็กๆ ที่ถูกเกรณ์เป็นทหาร , เป็นนักโทษ เคจเข้าร่วมต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก และลักพาตัวเด็ก เคจยังร่วมต่อต้านเพื่อสิทธิเด็กอีกด้วย
นิโคลาส เคจ เติบโตที่ ลอง บีช แคลิฟอร์เนีย และย้ายตามครอบครัวไปอยู่ ซานฟรานซิสโก เมื่ออายุ 12 เคจเริ่มงานแสดงตั้งแต่อายุ 15 ปี เมื่อเขาเข้าร่วมงานกับ โรงละคร San Francisco’s American Conservatory Theater ต่อมา ได้ย้ายไปอยู่ ลอส แองเจลีส เมื่อเรียนอยู่มัธยม และเริ่มงานแสดงในหนังโทรทัศน์ “The Best of Times.” ผลงานเดบิ้วภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาคือ ภาพยนตร์เรื่อง Fast Times at Ridgemont High.
แอมเบอร์ เฮิร์ด (ไปเปอร์)
ขึ้นแท่นติดอันดับ นักแสดงนำหญิงของฮอลลีวู้ดอีกคน แอมเบอร์เป็นที่จดจำ จากหนังเขย่าขวัญ รีเมค ปี1987 เรื่อง The Stepfather แสดงคู่กับ เพนน์ เบดจ์เลย์ , เซล่า วอร์ด และ ดิแลน วาซ์ แอมเบอร์ ยังปรากฏตัวในZombieland แสดงนำ เจสซี่ อิเซนเบิร์จ และ วู้ดดี้ แฮร์เรลสัน ซึ่งเปิดตัวเป็นอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิค เฮิร์ด ยังเป็นที่รู้จัก ในการแสดงคู่กับ เซธ โรเจน , และ เจมส์ ฟรังโก ในเรื่อง Pineapple Express ซึ่งเธอได้รับรางวัล Breakthrough Award จากงาน Movieline Young Hollywood Awards.
เฮิร์ด จะแสดงนำคู่กับ จอห์นนี่ เด็ปป์ ในหนังที่ถูกจับตามอง The Rum Diary ดัดแปลงจาก นิยายของ ฮันเตอร์ เอส.ทอมป์สัน ผลงานอื่นๆ ของ เฮิร์ด มี เรื่อง And Soon the Darkness ซึ่งแสดงคู่กับ โอเด็ตต์ ยูสท์แมน ในบทเป็นเพื่อนที่ปั่นจักรยานผ่าน อาร์เจนติน่า และมีต้องต่อสู้กับปัญหากฎหมาย , ยังมีหนัง อินดี้ The Ex-Terminators คู่กับ
ฮีเธอร์ แกรแฮม และ เจนนิเฟอร์ คูดิดจ์ , เรื่อง The River Why คู่กับ วิลเลี่ยม เฮิร์ด และ ซาช กิลฟอร์ด
เฮิร์ด ยังแสดงบทนำในหนังของ จอห์น คาร์เพนเตอร์ เรื่อง The Ward รับบทเป็นสาวที่ถูกผีตามติด และ The Joneses แสดงกับ เดมี่ มัวร์ และ เดวิด ดูคอฟนี่ย์ ซึ่งรับบทเป็น ลูกสาวของครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเพียงภาพที่สร้างขึ้นเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เฮิร์ด เคยร่วมงานในหนัง Friday Night Lights หนังดัดแปลงจาก หนังสือดังของ H.G. Bissinger , หนัง ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ North Country ซึ่งเธอแสดงเป็นตัวละครในอดีตของ ชาร์ลิส เธอร์รอน
ผลงานหนังอื่นๆ ของ เฮิร์ด ยังมีเรื่อง Never Back Down, Alpha Dog, The Informers, All the Boys Love Mandy Lane และ SideFX
แอมเบอร์ เฮิร์ด เติบโตจากเมือง เท็กซัส เฮิร์ด ย้ายมาอยู่ ลอส แองเจริส ในช่วงเวลาที่ไม่มีการถ่ายทำ
บิลลี่ บรูค ( โจนาห์ คิง)
นักแสดงชายผู้ที่ได้คำชม จากผลงานเครดิตทั้งหนังโทรทัศน์ และภาพยนตร์เรื่องยาว ล่าสุด เขาร่วมแสดงในหนังยอดฮิตเรื่อง Twilight และแสดงต่อเนื่องในภาคต่อของ The Twilight Saga: New Moon และThe Twilight Saga: Eclipse
บรูค ยังร่วมแสดงในหนัง Highland Park และร่วมแสดงในหนังซีรีย์ฤดูร้อน 2010 ทาง TNT “Rizzoli and Isles”
ก่อนหน้าที่จะแสดงเรื่อง Twilight บิลลี่ บรูค ร่วมงานกับผู้กำกัยฯ เกรจ โฮบลิท ในเรื่อง Untraceable แสดงร่วมกับ ไดแอน เลน เขายังมีผลงานในหนัง The Feast of Love ของผู้กำกับฯ โรเบิร์ด เบนตัน คู่กับ มอร์แกน ฟรีแมน และ เกรจ คินเนียร์ , ร่วมงานกับ แอนโธนี่ ฮอปกินส์ และ ไรอัน กอสลิง ในเรื่อง Fracture ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่เขาร่วมงานกับผู้กำกับฯ เกรจ โฮบลิท
ผลงานภาพยนตร์ของ บิลลี่ บรูค ยังมีหนังนอกกระแส อย่าง The Grift กับ จอห์น ซาเวส , และเรื่อง Forfeit กับ เชอร์รี่ สตริงฟิลด์ ซึ่งได้เปิดตัวที่เทศกาลหนัง South By Southwest , แสดงนำในหนัง Ladder 49 ซึ่งมี โจควิน ฟินิกซ์ และ จอห์น ทราโวลต้า , รับบทนำในเรื่อง Dill Scallion ซึ่งเปิดตัว ที่งานเทศกาลหนังซันแดนซ์ หนังแสดงนำโดย ปีเตอร์ บริจ , เฮนรี่ วิคเลอร์ และ ลอเรน เกรแฮม , ร่วมแสดงในหนัง Along Came a Spider กับ มอร์แกน ฟรีแมน และ เรื่อง Without Limits ที่เขียนบทและกำกับฯ โดย โรเบิร์ต โทวน์
ผลงานทางโทรทัศน์ ของ บรูค ยังมี 6 ตอนในซีรีย์ยอดฮิต ของ Fox เรื่อง “24” ปี 2 และยังแสดงในซีรีย์ ABC เรื่อง “Wonderland” ซึ่งเขียนบทและกำกับฯ โดย ปีเตอร์ เบิร์จ
บิลลี่ ยังเป็นที่ยอมรับในบทบาทนักดนตรี เล่นได้ทั้ง กีต้าร์ และ เปียโน เขายังขึ้นแสดงกับวงดนตรีร็อค The Outcast Theater ในซีแอตเติ้ล อยู่หลายปี ก่อนที่จะออกงานอัลบั้มเดี่ยว ชื่อชุด “Removed” อัลบั้มติดชาร์ดอันดับยอดขายซีดี ในสัปดาห์แรกของชาร์ดบิลล์บอร์ดด้วย เขายังทำงานการกุศล มอบรายได้จากการขายอัลบั้มให้กับ มูลนิธิส่งเสริมการสอนดนตรีในโรงเรียน
บรูค อาศัยอยู่ที่ ลอสแองเจลีส กับ โดลายาน่า ภรรยา และ ลูกสาว เบอร์ซี่ย ลารู ผู้ซึ่ง ถือกำเนิด ระหว่างที่เขาถ่ายทำหนัง Twilight
เกี่ยวกับทีมงานสร้าง
แพทริค ลูเซียร์ ( ผู้กำกับฯ และ ร่วมเขียนบท)
เรียกลูเซียร์ ได้ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหนังระทึกขวัญ เขาเคยร่วมงานกับปรามาจาร์ย หนังเขย่าขวัญสั่นประสาท อย่าง เวส คราเวน มากมายหลายเรื่อง และ ได้ร่วมงานกับ นักเขียนบท ท็อดด์ ฟาร์เมอร์ ในหนังเขย่าขวัญยอดฮิต My Bloody Valentine 3-D ซึ่งทำเงินไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญ ทั่วโลก หลังจากเปิดฉายในเดือน ม.ค. ปี 2009
ลูเซียร์ กำกับฯและ ลำดับภาพ เรื่อง White Noise: The Light (หรือ White Noise 2) แสดงนำโดย นาธาน ฟิลเลียน และ เคตี้ เซคฮอฟฟ์ , เขายังร่วมเขียนบท และ กำกับฯ หนัง ไตรภาค ผีดูดเลือด ของ เวส คราเวน เรื่อง Presents Dracula 2000, Dracula II: Ascension and Dracula III: Legacy ที่แสดงโดย เจอราร์ด บัตเลอร์ , เจสัน สก็อตต์ ลี , เจสัน ลอนดอน , รอย ชไนเดอร์ และ รูทเจอร์ ฮาวน์
ลูเซียร์จบการศึกษาจาก Capilano College ใน แวนคูเวอร์ ลูเซียร์ เริ่มอาชีพด้วยงาน ลำดับตัดต่อหนังชุดทาง ทีวี. “MacGyver.” ปี 1991 และ ลำดับตัดต่อ หนังชุดทีวี. ของ NBC ชุด “Nightmare Caf?.” ซึ่งเป็นงานสร้าง และกำกับฯโดย เวส คราเวน หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันอีกหลายครั้ง ในหนังของ เวส คราเวน New Nightmare, Vampire in Brooklyn, Music of the Heart, และหนังเขย่าขวัญทั้ง 3 เรื่อง Scream , Cursed และ Red Eye
ผลงานลำดับต่อต่อของเขายังรวมถึงหนังของ กูลิเลอร์โม เดล โตโร เรื่อง
Mimic, ทำงานกับ สตีเวน ไมเนอร์ เรื่อง Halloween: H20, กับ เดวิด ซัคเกอร์ เรื่อง My Boss’s Daughter และ โรเบิร์ต ลิเบอร์แมน ในหนัง 3 มิติ The Mighty Ducks ลูเซียร์ ยังลำดับตัดต่อหนังเขย่าขวัญ เรื่อง The Eye และยังร่วมแสดงเป็นที่ปรึกษาด้านภาพอีกด้วย
ลูเซียร์ เริ่มเดบิ้วงานกำกับฯ ในหนังแฟนตาซี เขย่าขวัญ ภาคต่อ เรื่อง The Prophecy 3: The Ascent หนังที่ คริสโตเฟอร์ วอลเคน รับบทนำต่อเนื่องมาตั้งแต่ ภาคแรก ลูเซียร์ ยังมีผลงานด้านวิชวล ในหนังหลายเรื่อง อย่าง Darkness Falls, 54, Brothers Grimm, Exorcist: The Beginning/Dominion, The Return and Whisper ลูเซียร์ยังเป็นที่ปรึกษาด้านงานดนตรีประกอบ หนังเรื่อง Reindeer Games และ Equilibrium.
ไมเคิล เดอ ลูก้า (ผู้อำนวยการสร้าง)
อดีตผู้ดำแลการผลิต ของค่ายใหญ่ Dream Works และ New Line Cinema และก่อตั้ง Michael De Luca Productions ในปี 2004 เดือนมีนาคม ได้ร่วมพัฒนา และ สร้างหนังร่วมกับ โคลัมเบีย พิคเจอร์
เดอ ลูก้า มุ่งพัฒนาบริษัทสร้างหนัง และหาทุนสร้างหนัง มุ่งเน้นหนังที่มีมุมมองพิเศษ รวมทั้ง พัฒนาคนทำหนัง เดอ ลูก้า เป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้สร้างหนังกระแสหลักที่สามารถขยายเป็นภาคต่อ
ช่วงหลัง เดอ ลูก้า โปรดิวงานให้กับ เดวิด ฟินเซอร์ ผู้กำกับฯ หนังมือรางวัลลูกโลกทองคำ อย่าง The Social Network แสดงนำโดย เจสส์ อิเซนเบิร์จ และ แอนดริว การ์ฟิลด์ , เรื่อง Priest แสดงนำโดย พอล บิตตีนี่ , และเรื่อง Butter แสดงนำโดย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์
ยังมีโปรเจคหนังที่เขาร่วมงานกับ สตูดิโอ โคลัมเบีย อย่าง หนัง ไซไฟ ผจญภัย ของ จอห์น ฟารัว เรื่อง Zathura , Ghost Rider หนังที่ดัดแปลงจากหนังสือของ คริส แวน ออลส์เบิร์จ แสดงนำ โดย นิโคลาส เคจ กำกับฯโดย มาร์ค สตีเว่น จอห์นสัน และ เรื่อง 21 ที่ สร้างจากหนังสือ Bringing Down the House ของ เบน เมอซ์ริช
ก่อนจะก่อตั้ง Michael De Luca Productions เดอ ลูก้า เคยทำงานร่วมกับ สตูดิโอดัง DreamWorks ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายผลิต ที่นั่นเขาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหนัง หลายเรื่อง อย่างเช่น หนังของ
ท็อดด์ ฟิลลิป เรื่องOld School , หนังตลกยอดฮิต ของ อดัม แม็คคีย์ และ วิลล์ เฟอร์เรลล์ เรื่อง Anchorman, และ เป็นที่รู้จักดี จากเรื่อง Head of State และ Win a Date with Tad Hamilton
ก่อนหน้านั้น เดอ ลูก้า ทำงาน 7 ปี ในตำแหน่ง ประธาน และผู้บริหาร ของสตูดิโอดัง New Line Productions ระหว่างนั้น ได้มีส่วนสร้างสรรค์หนังดัง อย่าง Friday, Blade, Austin Powers และ Rush Hour และยัง อยู่เบื้องหลังหนังฮิต อย่าง Seven, Wag the Dog, Pleasantville และ Boogie Nights
เดอ ลูก้า ยังเป็นผู้สร้างที่ผลักดันผู้กำกับฯ หลายคน อาทิ เจย์ โรช , แบรตต์ แรตเนอร์ , แกรี่ โรสส์ , อลัน และ อัลเบิร์ต ฮิวจ์ , เอฟ.แกรี่ เกรย์ และ พี่น้อง ฟาร์เรลลี่