กรุงเทพฯ--20 ก.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐคาซัคสถานสหพันธรัฐรัสเซีย และยูเครน ระหว่างวันที่ 11-18 มิถุนายน 2550 ได้มีการหยิบยกประเด็นมาตรการด้านสุขอนามัยของรัสเซีย ในสินค้าข้าว ประมง และภาษีนำเข้าน้ำตาลทรายดิบขึ้นหารือกับฝ่ายรัสเซีย สำหรับสินค้าประมงได้มีการหารือประเด็นการบังคับใช้ของระเบียบการนำเข้าสินค้าประมงฉบับใหม่
ซึ่งมีสาระสำคัญ กล่าวคือ สินค้าที่จะส่งออกไปรัสเซียจะต้องผลิตจากโรงงานที่ผ่านการตรวจสอบ และรับรองจากหน่วยงาน FSVPS (Federal Service for Veterinary and Phytosanitary Surveillance) และมีใบรับรองสุขอนามัย (Veterinary Certification) ที่กำหนดขึ้นใหม่กำกับสินค้าด้วย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป
ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าเวลาบังคับใช้ระเบียบข้างต้นกระชั้นชิด จึงขอให้ทางการรัสเซียขยายเวลาบังคับใช้ออกไปจนกว่าการดำเนินการตรวจสอบเพื่อรับรองโรงงานผลิตสินค้าประมงไทยของรัสเซียจะแล้วเสร็จอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการหารือกับรัสเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมา ทางการรัสเซียได้ขยายเวลาบังคับใช้ระเบียบใหม่ออกไปตามที่ฝ่ายไทยเสนอ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าประมงไทยไปรัสเซียสามารถดำเนินการได้ตามปกติ และรัสเซียจะส่งเจ้าหน้าที่เทคนิคเดินทางมาตรวจสอบเพื่อรับรองโรงงานฯ ในวันที่ 10 สิงหาคม 2550
โดยขั้นต้นจะตรวจสอบเฉพาะโรงงานผลิตสินค้าประมงประเภทแช่แข็งก่อน จำนวน 10 โรงงาน จากการสุ่มตรวจโรงงานทั้งหมดที่ไทยเสนอให้ทางการรัสเซียรับรองจำนวน 71 โรงงาน
อนึ่ง ปี 2550 (ม.ค. — พ.ค.) ไทยส่งออกสินค้าประมงไปรัสเซียมากเป็นอันดับที่ 15 มีมูลค่ารวม 12.78 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา
แบ่งเป็นการส่งออกกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง มูลค่า 6.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 353.15 ปลาทูน่ากระป๋องมูลค่า 2.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 135.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกนั้นเป็นสินค้าอื่น ๆ เช่น อาหารทะเลกระป๋อง และแปรรูป ปลาหมึกสดแช่แข็ง และปลาสดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นต้น