กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย
บมจ. แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป ขายหุ้น IPO วันที่ 27 — 29 เมษายนนี้และเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 เป็นหุ้นธนาคารล่าสุดในรอบ 20 ปี โดยใช้อักษรย่อว่า LHBANK
นางศศิธร พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทแม่ของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) จะเปิดเสนอขายหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 27 — 29 เมษายน 2554 และจะเป็นหุ้นตัวแรกที่เข้าตลาด SET ในปีนี้ โดยใช้อักษรย่อในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า LHBANK ซึ่งหุ้นของบริษัทฯ เป็นตัวแทนของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย เนื่องจากบริษัทฯถือหุ้นในธนาคาร 100 % และหุ้นของบริษัทจะเป็นหุ้นธนาคารล่าสุดในรอบ 20 ปี
ในการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯ ได้กำหนดราคาขายไว้ที่ 1.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น P/BV ที่ประมาณ 1.3 เท่าของผลประกอบการรอบ 12 เดือนสิ้นสุด 31 ธค. ที่ผ่านมาโดยปรับปรุงด้วยเงินเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน หรือคิดเป็นส่วนลดประมาณ 31% เมื่อเทียบกับ P/BV 1 เดือนย้อนหลังเฉลี่ยของ Banking Sector ซึ่งอยู่ที่ 1.9 เท่า โดยจะเปิดการจองซื้อในวันพุธที่ 27 ถึง วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2554 นี้และหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯในวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2554
บริษัทได้แต่ตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งสามารถจองซื้อหุ้นของบริษัทได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ 8 แห่งดังนี้
1. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)
2. บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
3. บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด
5. บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
6. บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
7. บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเชีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
8. บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน)
หลังจาก IPO บริษัทฯ จะมีทุนเรียกชำระแล้วเพิ่มขึ้นจาก 9,928 ล้านบาท เป็น 11,371 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ไปลงทุนในธนาคารแลนด์ แอนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีเงินกองทุนมากกว่า 12,000 ล้านบาท และเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ธนาคารได้ยื่นหนังสือขออนุญาตปรับฐานะเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบต่อธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว และคาดว่าจะได้รับอนุญาตเป็นธนาคารพาณิชย์ภายในปี 2554 ซึ่งการที่เป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบจะทำให้ธนาคารสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ รวมถึงการให้บริการธุรกรรมการเงินรูปแบบใหม่ๆ ได้มากขึ้น
ที่ผ่านมา LH BANK มีการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2553 มียอดสินเชื่ออยู่ที่ 42,498 ล้านบาท มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Gross NPL) เพียง 1.46% ของสินเชื่อทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม นอกจากนี้ LH BANK มีฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ร้อยละ 30.10 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ร้อยละ 30.88 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ร้อยละ 4.25 และร้อยละ 8.50 ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าฐานเงินทุนของธนาคารจะมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับการขยายตัวของธนาคารให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ได้ในระยะยาว
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปีของ LH BANK คือการขยายเงินฝาก สินเชื่อ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อและเงินฝากไม่น้อยกว่า 20% และกำไรสุทธิจะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% พร้อมกันนั้นจะมีการขยายสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพและปริมณฑลรวมถึงต่างจังหวัดให้มีจำนวนทั้งสิ้น 75 สาขา ในปี 2556 จากปัจจุบันมีจำนวน 32 สาขา นอกจากนี้ LH BANK มีแผนขยายการให้บริการ จากเดิมที่บัตร ATM ของธนาคารใช้ได้กับตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทยเท่านั้น มาเข้าเป็นระบบ ATM POOL ซึ่งจะทำให้บัตร ATM ของธนาคาร สามารถใช้กับตู้ ATM ได้กับทุกธนาคาร ซึ่งจะสามารถให้บริการได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นอกจากนี้ LH BANK ได้ถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) 100% โดยจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ปี 2554 ทำให้ธนาคารมีบริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ร่วมจัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “LH BANK เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นมืออาชีพของทีมผู้บริหารที่สามารถบริหารธนาคารให้มีการเติบโตได้อย่างมั่นคง ประกอบกับการมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ LH และ QH ทำให้ธนาคารมีจุดแข็งในด้านฐานลูกค้า ปัจจุบัน LH BANK เตรียมยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยหลังจากปรับเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบแล้ว LH BANK จะสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งเสริมศักยภาพของธนาคารให้สูงขึ้นและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างยั่งยืน”
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)
ส่วนโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โทร. 02 359 0283