กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--นิโอ ทาร์เก็ต
กลุ่มมิตรผลมอบอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน ในโครงการ “เทิดไท้ 84 พรรษา มิตรผลอาสา พัฒนา 84 โรงเรียน” ผ่านกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “กลุ่มมิตรผล ได้ริเริ่มโครงการหลายรูปแบบเพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชนและธำรงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่ดีในสังคม และเนื่องจากปี 2554 นี้ เป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา กลุ่มมิตรผล จึงริเริ่มโครงการ “เทิดไท้ 84 พรรษา มิตรผลอาสา พัฒนา 84 โรงเรียน” เพื่อร่วมทำความดีถวายแด่พระองค์ท่าน โดยได้จัดทำอุปกรณ์การศึกษา อันประกอบด้วย โต๊ะนักเรียน, โต๊ะพับเอนกประสงค์และตู้หนังสือ จำนวน 6,308 ชิ้น มูลค่า 9.2 ล้านบาทให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในชนบทจำนวน 84 โรงเรียนใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด สงขลา สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์และตาก โดยได้รับเกียรติจากกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นตัวแทนในการรับมอบ”
“การมอบอุปกรณ์การศึกษาในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยส่งเสริมการศึกษาในชนบทแล้ว ยังถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนอีกด้วย เพราะอุปกรณ์ทั้งหมดนี้ผลิตจากชานอ้อยที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลโดยบริษัท พาเนล พลัส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มมิตรผล” นายกฤษฎากล่าว
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “โครงการดังกล่าว ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของกระทรวงศึกษาเป็นอย่างยิ่งเพราะในปีที่ผ่านมาได้มีการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับการศึกษาตลอดชีวิต เสริมสร้างโอกาสและความเสมอภาคให้กับผู้เรียน รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นให้มาช่วยกันสนับสนุนเด็กและเยาวชนให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและกว้างขวางมากขึ้น”
“การนำร่องโครงการครั้งนี้ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีขององค์กรภาคธุรกิจในการแบ่งปันและสร้างสรรค์โอกาสทางสังคมให้แก่เยาวชนไทยที่จะต้องเติบใหญ่เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไป” นายชินวรณ์กล่าว
“กลุ่มมิตรผล ได้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำตาลมากว่า 54 ปี ตลอดระยะเวลาดังกล่าวได้มุ่งมั่นผลิตสินค้าด้วยความรับผิดชอบต่อคุณภาพ ความสะอาดปลอดภัยและให้คุณค่าในการบริโภค นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยความตั้งใจในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมน้ำตาลและสำนึกของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ” นายกฤษฎากล่าวปิดท้าย