กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ แจงข้อมูลที่อยู่อาศัยล่าสุด ระบุปี 2549 จำนวนบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ลดลงร้อยละ 5 แต่ไปโตที่ทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ร้อยละ 28 และห้องชุดคอนโดเติบโตพุ่งพรวดร้อยละ 58
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในรอบ 11 เดือนแรกของปี 2549 มีจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนรวมกัน 72,7230 หน่วย ซึ่งมากกว่าจำนวนรวมกันทั้งปีของปี 2548 ซึ่งมี 72,072 หน่วย ดังนั้นจึงคาดว่าทั้งปี 2549 น่าจะมียอดบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนประมาณ 78,000-79,000 หน่วย คิดเป็นอัตราการเติบโตของอุปทานที่อยู่อาศัยประมาณร้อยละ 9
ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่ายอดที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนแยกเป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว 40,059 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 55 ของที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนทั้งหมด เป็นบ้านแฝดจำนวน 855 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 1 เป็นทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ 15,966 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 22 และห้องชุดคอนโดมีเนียม 15,843 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 22 เท่ากับทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์
สัดส่วนที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆดังกล่าว ถือว่ามีความเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตัวเลขเดิมสำหรับปี 2548 สัดส่วนบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด-ทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์-ห้องชุดคอนโดมีเนียม จะเท่ากับประมาณร้อยละ 65-1-19-15 ตามลำดับ เทียบกับร้อยละ 55-1-22-22 ในปี 2549 แสดงว่าสัดส่วนบ้านเดี่ยวที่หายไปนั้น ไปปรากฏที่ห้องชุดคอนโดมีเนียมค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง พบว่าสัดส่วนที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงคือห้องชุดในคอนโดมีเนียม ต่อที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกัน เพิ่มจากร้อยละ 13.2 ในปี 2546 ร้อยละ 12.2 ในปี 2547 และร้อยละ 15.1 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 22 ในปี 2549 แสดงให้เห็นปริมาณอุปทานของห้องชุดคอนโดมีเนียมว่าเพิ่มสูงขึ้นมากในปีที่แล้ว
สำหรับค่าเฉลี่ยต่อปีของจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในรอบ 10 ปีระหว่าง พ.ศ. 2539-2548 อยู่ที่เฉลี่ยปีละ 72,000 หน่วย แต่หากขยายเป็นค่าเฉลี่ย 12 ปีระหว่าง พ.ศ. 2538-2549 จะได้ค่าเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 81,500 หน่วย โดยในช่วงปีก่อนวิกฤตเศรษฐกิจมีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนสูงถึง 178,853 หน่วยในปี 2538 และ 176,616 หน่วยในปี 2539 ดังนั้นจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนในขณะนี้แม้จะมีอัตราการเติบโตแต่ก็ยังน้อยกว่าช่วงก่อนวิกฤตกว่าเท่าตัว ประเด็นที่น่าจับตามองจึงอยู่ที่จำนวนห้องชุดคอนโดมีเนียมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
นายสัมมา คีตสิน ยังได้เปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาที่อยู่อาศัยที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการจัดทำจากฐานข้อมูลหลักประกันของธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยใช้ตัวเลขในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี ว่า ดัชนีราคาที่ดิน ณ สิ้นปี 2549 เท่ากับ 161.7 เพิ่มขึ้นจากปี 2548 เท่ากับร้อยละ 4.1 ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินเท่ากับ 160.2
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 และดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินเท่ากับ 150.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 เทียบกับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีของปีที่แล้วที่ร้อยละ 4.7 นับว่าเพิ่มขึ้นน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ
ในส่วนของงานบริการข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์นั้น ขณะนี้นับว่าข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นที่รู้จักและยอมรับ และมีการนำไปใช้อ้างอิงมากขึ้นสม่ำเสมอ ทั้งโดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จนถึงรายเล็ก ทั้งภาควิชาการ ทั้งศูนย์วิจัยของสถาบันการเงิน และศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน โดยมีบุคคลธรรมดาที่ใช้บริการข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์อย่างสม่ำเสมอประมาณ 1,500 รายและนิติบุคคลที่ใช้บริการข้อมูลสม่ำเสมอประมาณเกือบ 100 ราย
นอกจากนี้เว็บโพลล์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ผ่านเว็บไซต์ www.reic.or.th ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้นสม่ำเสมอ รวมทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ยังได้เริ่มจัดทำวารสารรายไตรมาส อาร์อีไอซี เจอร์นัล (REIC Journal) รวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการข้อมูลทุกระดับ
ผู้อำนวยการกล่าวสรุปว่า ในปี 2550 นี้จะเห็นผลงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานวิชาการทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการในภูมิภาคต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูล รวมทั้งมีแผนงานชัดเจนในการพัฒนาองค์ความรู้แก่บุคลากรของศูนย์ข้อมูล
ผู้ประสานงาน น.ส.ณัฏติกา นาคสุบรรณ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการข้อมูล
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ โทร 02-645-9675-6