กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2554 มีกำไรสุทธิ 2,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 1,775 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 ขณะที่บริษัททุนธนชาต (TCAP) มีกำไรสุทธิจำนวน 1,144 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจำนวน 199 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,343 ล้านบาท
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2554 ว่า ธนาคารฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 2,208 ล้านบาท (รวมกำไรของธนาคารนครหลวงไทยและบริษัทย่อย) เพิ่มขึ้นจากจำนวน 1,775 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4 อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ความสามารถในการจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพ รวมทั้งการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ในระดับดี โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 3.20
ในขณะที่ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธนชาต มีกำไรสุทธิจำนวน 1,144 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิจากธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยภายใต้ธนาคารฯ รวมทั้งกำไรสุทธิของบริษัททุนธนชาตเองและบริษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือซึ่งมีการเติบโต โดยธนาคารฯและบริษัทย่อยภายใต้ธนาคารฯ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหลักทรัพย์ ที่มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นตามภาวะตลาดทุน รวมทั้งธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตของกลุ่มธนชาตมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาเช่นกัน แต่เนื่องจากบริษัทบริหารสินทรัพย์ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัททุนธนชาตมีกำไรลดลงเนื่องจากในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมามีการโอนกลับสำรองเผื่อการด้อยค่าการชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงินจากการโอนขายหนี้ด้อยคุณภาพให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และกำไรสุทธิในส่วนของบริษัททุนธนชาตก็ลดลงตามปริมาณธุรกรรมลดลง ทำให้ไตรมาสนี้บริษัททุนธนชาตมีกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยจำนวน 199 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,343 ล้านบาท
นายศุภเดช กล่าวถึง ความคืบหน้า แผนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาต กับธนาคารนครหลวงไทย ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศให้ความเห็นชอบโครงการโอนกิจการทั้งหมดของธนาคารนครหลวงไทยมายังธนาคาร ธนชาต ในราชกิจจานุเบกษา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 10 มีนาคม 2554 รวมทั้งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารธนชาต ก็ได้มีมติอนุมัติการโอนและการรับโอนกิจการทั้งหมดของธนาคารนครหลวงไทยมายังธนาคารธนชาตแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ได้กำหนดวันควบรวมกิจการของธนาคารทั้ง 2 แห่ง ในเบื้องต้นเป็นวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ซึ่งภายหลังการควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ ธนาคารธนชาต พร้อมที่จะดำเนินธุรกิจเชิงรุกด้วยการให้บริการทางเงินครบวงจร ทั้งธุรกิจลูกค้า
ส่วนบุคคล (Retail) ลูกค้าภาคธุรกิจ (Corporate and SMEs) พร้อมด้วยการให้บริการที่สะดวกและใกล้ชิดกับผู้ใช้บริการ ด้วยสาขากว่า 600 สาขา ทั่วประเทศ