ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ชุดใหม่ “บ. น้ำตาลมิตรผล” ที่ระดับ “A+” และคงอันดับเครดิตองค์กร & ตราสารหนี้ปัจจุบันที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 22, 2011 10:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนเงินกู้เดิมที่ใช้ในธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและใช้เป็นทุนในการดำเนินงานตามแผน ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีน ตลอดจนตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ การขยายกิจการสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาล และความสามารถในการรักษาอัตราการก่อหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในขณะที่มีการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลและปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนต่อไป ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจน้ำตาลและกระแสเงินสดที่มีการกระจายตัวทั้งจากธุรกิจน้ำตาลและธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนของราคาน้ำตาลในตลาดโลกและมาตรการต่าง ๆ ที่มิอาจคาดการณ์ของทางการจีนได้ ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจ ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจอ้อยและน้ำตาลของประเทศไทยโดยมีตระกูลว่องกุศลกิจถือหุ้นเต็ม 100% ผ่าน บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด โรงงานน้ำตาลของเครือมิตรผลในประเทศไทยมี 5 แห่ง โดยมีกำลังการหีบอ้อยรวม 132,500 ตันอ้อยต่อวัน ณ วันที่ 18 เมษายน 2554 กลุ่มมิตรผลยังคงเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีผลผลิต 1.62 ล้านตันในปีการผลิต 2553/2554 คิดเป็นสัดส่วน 18.33% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศ ประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลของโรงงานที่ระดับ 107.85 กิโลกรัม (กก.) ต่อตันอ้อยนับว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 103.22 กก. ต่อตันอ้อย นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดด้านปริมาณอ้อยสูงสุดในสัดส่วน 17.54% ของปริมาณอ้อยทั้งประเทศ รองลงมาคือกลุ่มไทยรุ่งเรือง(17.30%) กลุ่มไทยเอกลักษณ์ (11.14%) กลุ่มวังขนาย (7.93%) และกลุ่มน้ำตาลขอนแก่น (6.77%) ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทน้ำตาลมิตรผลได้ขยายธุรกิจน้ำตาลไปยังประเทศจีนโดยปัจจุบันเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 7 แห่งซึ่งผลิตน้ำตาลได้ 954,460 ตันในปีการผลิต 2552/2553 และ 1,030,433 ตัน ณ วันที่ 10 เมษายน 2554 โดยในปีการผลิต 2552/2553 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 8.91% ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 2 ในประเทศจีน ด้วยประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลที่ระดับ 125.57 กก. ต่อตันอ้อย รายได้รวมของกลุ่มมิตรผลในปีการผลิต 2553 (พฤศจิกายน 2552-ตุลาคม 2553) อยู่ที่ 55,060 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวม (EBITDA) อยู่ที่ 11,038 ล้านบาท ราคาน้ำตาลในประเทศจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นมากส่งผลทำให้รายได้จากธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนมีสัดส่วน 39.85% ของรายได้รวมของกลุ่ม และคิดเป็น 56.04% ของ EBITDA รวมของกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อย ได้แก่ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตแผ่นไม้อัด และธุรกิจผลิตกระดาษ โดยปัจจุบันโรงงานเอทานอลของบริษัทในประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่ 600,000 ลิตรต่อวัน EBITDA ของธุรกิจเอทานอลเพิ่มขึ้นจาก 1,815 ล้านบาทในปีการผลิต 2552 เป็น 2,860 ล้านบาทในปีการผลิต 2553 อันเป็นผลมาจากราคาเอทานอลที่สูงขึ้น ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทเข้มแข็งขึ้น โดยในปีการผลิต 2553 บริษัทมียอดขายรวม 55,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.44% จากปีการผลิต 2552 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาขายที่เพิ่มขึ้นของน้ำตาลและเอทานอล อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 15.56% ในปีการผลิต 2552 เป็น 20% ในปีการผลิต 2553 บริษัทมีงบลงทุนรวม 14,000 ล้านบาทในช่วงปีการผลิต 2554-2555 เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาล รวมทั้งสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังใช้ลงทุนในโรงงานผลิตแผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง และลงทุนในบริษัทผลิตน้ำตาลในประเทศออสเตรเลียด้วย โดยบริษัทมีแผนจัดเตรียมเงินทุนสำหรับโครงการดังกล่าวทั้งจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและจากวงเงินกู้ใหม่ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับประมาณ 50% ในระหว่างปีการผลิต 2554-2555 ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปริมาณผลผลิตอ้อยและราคาน้ำตาลในตลาดโลกมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในปีการผลิต 2553/2554 ปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยมีมากกว่า 80 ล้านตันอ้อย ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการปลูกอ้อย ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกในเดือนมกราคม 2554 อยู่ในระดับสูงที่ 36.11 เซนต์/ปอนด์เนื่องจากผลผลิตที่ลดลงในประเทศออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม ระดับราคาได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 32 เซนต์/ปอนด์ในเดือนมีนาคม 2554 จากผลผลิตน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นของไทย ส่วนในประเทศจีนนั้น ราคาน้ำตาลมักเปลี่ยนแปลงไปตามอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศ รวมทั้งตามการบริหารจัดการของรัฐบาล โดยราคาน้ำตาลของจีนปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณ 5,000 หยวนต่อตันในปีการผลิต 2552/2553 เป็นมากกว่า 7,000 หยวนต่อตันในเดือนมีนาคม 2554. บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: MPSC116A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A+ MPSC11OA: หุ้นกู้มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A+ MPSC126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A+ MPSC12OA: หุ้นกู้มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555 คงเดิมที่ A+ MPSC136A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A+ MPSC136B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A+ MPSC13DB: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 คงเดิมที่ A+ MPSC146A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A+ MPSC156A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 คงเดิมที่ A+ หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2561 A+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ