ผลการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมประสิทธิภาพ การใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม

ข่าวทั่วไป Monday April 25, 2011 10:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--โกลบ์เบิล ครีเอชั่น นายชัยวุฒิ บรรณาวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่าตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 จากหน่วยงานภายใน อก. ที่แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 6 ด้านด้วยกันคือ 1) ด้านการปรับปรุงผลิตภาพการใช้พลังงาน ๒) ด้านการส่งเสริมการลงทุน ๓) ด้านการปรับโครงสร้างการผลิต ๔) ด้านการกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงาน ๕) ด้านการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในโรงงาน และ ๖) ด้านการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน จากการติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ผลการดำเนินงานทางตรงซึ่งสามารถวัดผลได้ในทันทีที่สิ้นสุดการดำเนินงาน และผลการดำเนินงานทางอ้อม ซึ่งไม่สามารถวัดผลได้ทันทีในขณะที่สิ้นสุดการดำเนินงาน แต่จะส่งผลดีในระยะยาวต่อไป ผลการดำเนินงานดังกล่าวที่ผ่านมาของ อก. สรุปได้ ดังนี้ 1.ผลการดำเนินงานทางตรง 1.1) การดำเนินงานด้านการปรับปรุงผลิตภาพการใช้พลังงาน ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพหม้อไอน้ำที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงสูงโดยการปรับแต่งหัวเผาให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น (ปี 2548-2551) ประหยัดพลังงานได้ 8.5 ล้านบาท/ปี, โครงการปรับเปลี่ยนเครื่องทำความเย็นในระบบปรับอากาศที่ใช้สาร CFC เป็นสารทำความเย็นซึ่งทดแทนด้วย non-CFC-Chiller (ปี 2548) ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 13.78 กิโลวัตต์ชั่วโมง/ปี, โครงการเทคโนโลยีสะอาดสำหรับอุตสาหกรรม (Cleaner Technology) (ปี 2553) ดำเนินการในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์และกลุ่มโรงงานก๋วยเตี๋ยว ประหยัดพลังงานได้รวม 2.8 ล้านบาท/ปี ประหยัดวัตถุดิบได้ ๔.86 ล้านบาท/ปี, โครงการประหยัดพลังงานสำหรับโรงงานขนาดเล็ก (Energy Saving for Small Enterprise : ES for SE) (ปี 2553) ประหยัดพลังงานได้ ๒๗๗,๐๓๐ GJ /ปี หรือเท่ากับ ๖.๕๐ ktoe/ปี คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ ๔๐ ล้านบาท/ปี และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ๑๒,๐๐๐ ตัน/ปี, โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในสถานประกอบการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานในโรงงานแต่งแร่ (ปี 2553) ประหยัดการใช้น้ำมันเตาในกระบวนการผลิตปูนพลาสเตอร์ได้ประมาณ ๑๖,๐๐๐ ลิตรต่อปี หรือประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ บาทต่อปี ลดการใช้พลังไฟฟ้าในกระบวนการบดแร่ลงมากกว่าร้อยละ ๒0 หรือประมาณ ๕๑๐,๐๐๐ บาทต่อปี, โครงการศึกษาเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสะอาด (CT) ในกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐาน (ปี 2552) มีสถานประกอบการนำแนวคิด CT ไปปฏิบัติสามารถลดการใช้พลังงานได้มากกว่า 80 ล้านบาท/ปี, โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมส่วนภูมิภาค (ปี 2551-2553) ประหยัดพลังงานรวม 48.2 ล้านบาท/ปี 1.2) ด้านการปรับโครงสร้างการผลิต ได้แก่ โครงการอนุรักษ์พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมและธุรกิจบริการภายใต้โครงการชุบชีวิตธุรกิจไทย (ปี 2548) ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 1,221.7 Kwh/ปี เป็นเงิน 3.19 ล้านบาท/ปี ลดการใช้น้ำมันเตา 816,900 ลิตร/ปี เป็นเงิน 8.47 ล้านบาท/ปี ลดการเกิดของเสียได้ 0.58 ล้านบาท/ปี 1.3) ด้านการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน ได้แก่ โครงการให้คำแนะนำเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดพลังงาน หรือ คลีนิคพลังงาน (ปี 2548-2551) ดำเนินงานจำนวน 600 โรงงาน ประหยัดพลังงานได้ประมาณ 6 ล้านบาท/ปีและดำเนินงานในเชิงลึก 160 โรงงาน ประหยัดได้ 8 ล้านบาท/ปี, โครงการจัดการ พลังงานแบบสมบูรณ์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Total Energy Management : TEM) (ปี 2548-2553 : TEM 2-8) ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้รวม 983.28 ล้านบาท/ปี เฉพาะในปี 2553 สามารถลดปริมาณการใช้พลังงานคิดเป็น 380,625,000 MJ/ปี 2. ผลการดำเนินงานทางอ้อม จะเป็นการดำเนินการที่เสริมให้มีการลดการใช้พลังงานในอนาคต เช่น การส่งเสริมการลงทุนในกิจการการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน การผลิตพลังงานทดแทน (เอทานอล เซลล์แสงอาทิตย์ และเชื้อเพลิงชีวภาพ) และการบริการจัดการพลังงาน (Energy Service Company : ESCO) เป็นต้น, เร่งรัดการกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ มาตรฐานผลิตภัณฑ์ประหยัดพลังงานให้เป็นมาตรฐานบังคับมากประเภทขึ้น, โครงการฝึกอบรมบุคลากรด้านพลังงานให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พลังงานเพื่อเป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำในโรงงานต่อไป ฯลฯ ในการติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 ที่ อก.ได้เริ่มในปี 2548 จนถึงปัจจุบันนั้น มีผลการดำเนินงานที่สามารถทำให้เกิดการประหยัดพลังงานในรูปแบบของการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้เป็นมูลค่าจำนวนมากในแต่ละปีหรือสามารถลดปริมาณการใช้พลังงานได้ในปริมาณมาก และจากกระแสการให้ความสำคัญต่อการรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มากขึ้นๆ ในปัจจุบัน การติดตามผลการดำเนินงานฯ ของ อก.ตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไปจะให้ความสำคัญต่อการรายงานผลความสามารถในการลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนในขณะเดียวกันด้วยเพื่อยืนยันให้เห็นว่าผลจากการดำเนินงานตามมาตรการประหยัดพลังงานและส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมของ อก. นั้นไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดการประหยัดและเกิดประสิทธิภาพในการใช้พลังงานแล้วยังจะเป็นส่วนหนึ่งจากหลายภาคส่วนที่ได้มีความ ร่วมมือกันในการรักษาสภาวะแวดล้อมของโลกให้ดีขึ้นเพื่อเราจะได้ส่งต่อโลกที่สวยงามให้เป็นสมบัติสืบทอดให้กับลูกหลานของเราในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ