กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--บลจ.ไทยพาณิชย์
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเสนอขายหน่วยลงทุนพร้อมกัน 5 กองทุน มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีความหลากหลายให้เลือกทั้งระยะเวลาการลงทุน และตามความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝากธนาคารในประเทศและต่างประเทศ หุ้นกู้เอกชนชั้นดี และ พันธบัตรรัฐบาลไทยผสมออปชั่นอ้างอิงราคาทองคำ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำแต่ละกองทุน 10,000 บาท
สำหรับรายละเอียดแต่ละกองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์คุ้มครองเงินต้น โกลด์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 2 (Gold Complex Return Fund 2: GOLDCR2) ขนาดกองทุน 2,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี เสนอขายถึงวันที่ 4 พ.ค. ศกนี้ มีนโยบายเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อคุ้มครองเงินต้นและสัญญาออปชั่นอ้างอิงกับราคาทองคำตลาด London ภาคบ่าย (GOLDLNPM) โดยผู้ลงทุนจะได้รับคืนเงินต้น 100% เมื่อครบอายุและยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึง 5.25% หากราคาทองคำในตลาด GOLDLNPM เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงบวก ลบไม่เกิน 15% จากราคา ณ วันจดทะเบียน ในทุกวันทำการที่ประกาศราคาตลอดอายุกองทุน โดยมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
นางโชติกา กล่าวว่า การลงทุนทองคำยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยบริษัทฯคาดการณ์ว่าราคาทองคำในปี 2554 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,440-1,590 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในขณะที่นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำหลายแห่งคาดการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกว่า ในระยะเวลา 1 ปี จากช่วงไตรมาส 2 ของปี 2554 ถึงไตรมาส 2 ของปี 2555 ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบราคาที่ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป หรือบวกลบไม่เกิน 10% โดยปัจจัยสนับสนุนไม่ให้ราคาทองปรับตัวสูงมากขึ้นมาจากราคาทองคำปัจจุบันได้ปรับตัวอยู่ในระดับที่สูงมาก ทำให้ยากที่จะขึ้นต่ออย่างรุนแรง ประกอบกับเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัว ทำให้หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆยังมีความน่าสนใจ ส่วนปัจจัยที่ไม่ทำให้ราคาทองคำปรับลดลงอย่างรุนแรงจะมาจากความต้องการลงทุนในทองคำจาก ETF ที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องตลอดจนความต้องการใช้ทองคำของอินเดียและจีนที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมี กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้เอกชน 4Y2M มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุ 4ปี 2 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 4 พ.ค. ศกนี้ โดยจะลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตคุณภาพดี 4 บริษัท ในสัดส่วน 25 % เท่ากัน ประกอบด้วย บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บ.ดีเอ็มที (DMT) อันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- จากทริสเรตติ้ง บมจ. เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) อันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB+ จากทริสเรตติ้ง และ บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) อันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB+ จากฟิตซ์เรตติ้ง คาดผลตอบแทน 4% ต่อปี ซึ่งถือว่ามีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ โดยมีความเสี่ยงต่ำ
สำหรับกองทุนที่เหลือเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น มูลค่ากองทุนละ 3,000 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล 3M48 อายุ 3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 3 พ.ค. ศกนี้ โดยจะลงทุนในตั๋วเงินคลังและเงินฝากประจำ คาดผลตอบแทน 2.20 % ต่อปี ส่วนอีก 2 กองทุนจะมีนโยบายเหมือนกันคือ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ผสมเงินฝากธนาคารบาร์เคลย์ และ ธนาคาร HSBC สาขาฮ่องกง ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 3M9 อายุ 3 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 4 พ.ค. ศกนี้ คาดผลตอบแทน 2.60% ต่อปี และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 6M16 อายุ 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 6 พ.ค. ศกนี้ คาดผลตอบแทน 2.80% ต่อปี นักลงทุนที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Center โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6