ธนาคารเกียรตินาคิน ไตรมาสแรกสินเชื่อขยายตัว 7% โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มียอดปล่อยใหม่กว่าหมื่นล้านบาท

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 27, 2011 14:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--ธนาคารเกียรตินาคินธนาคารเกียรตินาคิน” ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปี สินเชื่อรวมขยายตัวต่อเนื่องที่ 7% กำไรสุทธิอยู่ที่ 605 ล้านบาท และลดระดับเอ็นพีแอลให้มาอยู่ที่ 3.95% โดยสินเชื่อหลักคือเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเติบโตได้ดี จากแรงสนับสนุนของงานมอเตอร์เอ็กซ์โป เมื่อปลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้ 3 เดือนแรก มียอดสินเชื่ออนุมัติใหม่ราว 13,000 ล้านบาท ล่าสุด ออกแคมเปญใหม่ KK Max 7 Plus ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 11 เดือน ดอกเบี้ย 7% ต่อปี คู่กับการซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. นี้ นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Chavalit Chindavanig, Head of Finance and Budgeting of Kiatnakin Bank Plc) เปิดเผยว่า “ในไตรมาสแรกของปี 2554 นี้ สินเชื่อรวมของธนาคารขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 16-19% โดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยังคงเติบโตได้ดี มียอดสินเชื่ออนุมัติใหม่ใน 3 เดือนแรก ราว 13,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากแรงสนับสนุนของงานมอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 605 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 40% จากจำนวนพนักงานและสาขาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารได้เปิดสาขาใหม่จำนวน 16 สาขาในปีที่ผ่านมา รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม ธนาคารประสบความสำเร็จในส่วนของการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ โดยระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ลดลงมาอยู่ที่ 3.95% ของสินเชื่อรวมตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จาก 4.43% ณ สิ้นปี 2553 ด้วยสินทรัพย์รวมกว่า 154,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 9% จากสิ้นปี” อนึ่ง ในปี 2554 นี้ ธนาคารยังคงมีนโยบายที่จะขยายสินเชื่อ ควบคู่ไปกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ และธุรกิจหลักคือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ไตรมาสแรกเติบโต 8.5% และมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.36% ล่าสุด จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย TRIS Rating ได้ยืนยันอันดับเครดิตที่ A- และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารเป็น Positive หรือบวก จากเดิมคือ Stable หรือคงที่ ซึ่งสะท้อนถึงผลประกอบการทางธุรกิจและการเงินของธนาคารที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ประจำปี 2553 ในอัตราหุ้นละ 2.40 บาท (คิดเป็นอัตราผลตอบแทนของเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 50.78%) ซึ่งธนาคารได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 1 มกราคม — 30 มิถุนายน 2553 ไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท และคงเหลือจ่ายปันผลงวด 1 กรกฎาคม — 30 ธันวาคม 2553 จำนวน 1.40 บาท/หุ้น สำหรับแผนงานด้านเงินฝากและการตลาดนั้น ณ ไตรมาส 1/2554 ธนาคารมีหนี้สินรวม 131,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% จากสิ้นปี 2553 โดยมีเงินฝากจำนวน 72,226 ล้านบาท และตราสารหนี้และเงินกู้ยืมจำนวน 50,736 ล้านบาท โดยสัดส่วนของการระดมเงินด้วยตั๋วแลกเงิน (บีอี) เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีราว 62% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ฝากเงินเริ่มกระจายเงินฝากมากขึ้น ทางด้านดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารจะบริหารตามภาวะตลาด โดยได้ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ล่าสุดวันนี้ (วันที่ 26 เมษายน 2554) ซึ่งเงินฝากประจำ 6 เดือน และ 18 เดือนของธนาคาร จะให้ผลตอบแทน สูงสุดในระดับที่ 2.85% และ 3.60% ตามลำดับ ส่วนตั๋วแลกเงินระยะเวลาการฝากเดียวกัน ระยะเวลา 6 เดือน ดอกเบี้ย 3.10% ส่วน 18 เดือน ดอกเบี้ย 3.85% ในส่วนของแคมเปญใหม่ที่น่าสนใจ ณ ขณะนี้ คือ KK Max 7 Plus ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 11 เดือน ดอกเบี้ย 7% ต่อปี คู่กับการซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ KK Smart 7 Plus ที่ธนาคารร่วมกับบริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษเฉพาะที่ธนาคารเกียรตินาคินเท่านั้น โดยรับฝากเงินจำนวนเท่ากับทุนประกันภัย เริ่มต้นที่ 1 แสนบาท ชำระเบี้ยประกัน 7 ปี รับความคุ้มครองชีวิต 210% ของทุนประกันภัย นับตั้งแต่ปีแรก ไปตลอด 21 ปี ทั้งนี้ เบี้ยประกันสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท สิ้นสุดแคมเปญวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เท่านั้น ตัวเลขที่สำคัญทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)และบริษัทย่อย ล้านบาท ข้อมูล 31 มี.ค.54 31 ธ.ค. 53 เปลี่ยนแปลง(%) สินเชื่อและลูกหนี้รวม 115,079 107,726 6.8 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 83,539 77,020 8.5 สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 16,211 15,749 2.9 สินเชื่อทั่วไป 11,434 11,219 1.9 สินเชื่อปรับโครงสร้างจากเงินลงทุน 2,931 2,985 (1.8) และหนี้เดิม สินเชื่ออื่นๆ 964 754 27.9 สินทรัพย์รวม 154,261 141,900 8.7 หนี้สินรวม 131,434 120,989 8.6 กำไรสุทธิ 605 2,840 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก่อนหักสำรอง(เกณฑ์ ธปท.) 3.95% 4.43% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หลังหักสำรอง(เกณฑ์ ธปท.) 2.36% 2.62% เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) - 2.40 บาท ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(ไม่รวมเงินนำส่งสถาบันคุ้มครองเงินฝาก) 5.2% 5.5%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ