กรุงเทพฯ--27 เม.ย.--มาร์เก็ตติ้ง อินทิเกรชั่น
อินเตอร์เฟซ อิงค์ แถลงห้าความสำเร็จเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนในรอบปีที่ผ่านมารายงานความคืบหน้าของโครงการเพื่อเป็นต้นแบบให้กับองค์กรอื่นๆ เนื่องในวันคุ้มครองโลก
เมื่อวันคุ้มครองโลกที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นวันที่สำคัญของโลกที่ทุกคนควรตระหนักถึงผลกระทบที่อาจมีต่อสิ่งแลดล้อมรอบตัวเรา อินเตอร์เฟซ อิงค์ (Interface, Inc.) ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายพรมแผ่นด้วยจิตสำนึกของการรับผิดชอบต่อสภาวะแวดล้อม ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอินเตอร์เฟซฟลอร์ในประเทศไทย ได้แถลงถึงผลสำเร็จในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นต้นแบบให้กับบริษัทอื่นๆ ในการร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมร.แดน เฮนดริกซ์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเตอร์เฟซ กล่าวสรุปถึงโครงการหลักๆ ที่ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ อาทิ การลดปริมาณขยะด้วยการรีไซเคิลและนำไปใช้ประโยชน์ และลดการบำบัดด้วยวิธีการฝังกลบลง การลดการก่อก๊าซเรือนกระจกลง การเปิดเผยข้อมูลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของทุกผลิตภัณฑ์อย่างโปร่งใส ตามมาตรฐานการรายงานข้อมูลของปฏิญญาผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Product Declarations (EPDs) รวมถึงการให้ความรู้แก่พนักงานและผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้จากการให้ความสำคัญการทำนุบำรุงอย่างยั่งยืนด้วย
“การทำนุบำรุงอย่างยั่งยืน เป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นเป้าหมายที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัท และเป็นแรงผลักดันไปสู่สิ่งดีๆ” มร.เฮนดริกซ์กล่าว “มันแทรกอยู่ในแทบทุกอณูของธุรกิจ และยังส่งผลให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว รวมถึงทำให้เราเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน วิธีสื่อสาร และการปฏิสัมพันธ์ด้วย ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เราได้คืบหน้าไปมากในหลายส่วนซึ่งเป็นผลโดยตรงต่อการก้าวเดินบนเส้นทางสู่ความยั่งยืน”
หลังจากได้ติดตามศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา อินเตอร์เฟซยังคงมุ่งหน้าขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อออกจากวงจรของการใช้-ผลิต-สิ้นเปลือง (take-make-waste) ในระบบอุตสาหกรรม ไปสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยเปิดรับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ และเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงจุดยืนของบริษัทในเส้นทางสู่ความยั่งยืนและความท้าทายในเบื้องหน้า อินเตอร์เฟซได้ให้ความสำคัญต่อการติดตามและประเมินตัวชีวัดที่สำคัญต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปริมาณขยะ การใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการใช้น้ำในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการทำการวิจัยและพัฒนาด้านกระบวนการผลิตและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้อินเตอร์เฟซยังให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านสังคมและการพัฒนาบุคลากรซึ่งรวมถึงพนักงานขององค์กรและสมาชิกของชุมชนใกล้เคียง ทั้งนี้เพราะบุคคลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้บริษัทประสบความสำเร็จในการเดินทางสู่ความยั่งยืน
“เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของเราจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบ การรายอื่นๆ ได้เห็นว่านวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงนั้นจะเป็นผลดีต่อองค์กร ลูกหลาน และสิ่งแวดล้อม” มร.เฮนดริกซ์กล่าวเสริมก่อนที่จะเผยถึงโครงการหลักๆ ตามแผนกลยุทธที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาดังนี้
1) วัตถุดิบในการผลิตร้อยละ 40 มาจากการรีไซเคิลและแหล่งชีวภาพ อินเตอร์เฟซทุ่มเทด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อหาวัตถุดิบทดแทนที่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ประโยชน์สูงสุดจากวัตถุดิบรีไซเคิลและวัตถุดิบชีวภาพ โดยอินเตอร์เฟซได้เพิ่มการใช้วัตถุดิบทดแทนเหล่านี้จากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 40 ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา
2) โครงการ ReEntry? 2.0 ซึ่งเป็นกระบวนการในการนำพรมเก่ามาแปลงเป็นวัตถุดิบรีไซเคิล ลดประมาณขยะที่ต้องบำบัดด้วยวิธีการฝังกลบลงได้ 12,500 ตันในปี 2553 ตั้งแต่ปี 2538 โครงการนี้ได้ลดปริมาณขยะจากพรมและเศษพรมลงแล้วกว่า 103,400 ตัน นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังได้ขยายผลนำไปปฏิบัติในสายการผลิตภาคพื้นยุโรปของบริษัทที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ด้วย
3) สร้างวัฒนธรรมต้นแบบที่มีความยั่งยืนของสภาพแวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจ พนักงานของอินเตอร์เฟซฟลอร์ในประเทศไทย ได้นำความคิดสร้างสรรค์ในการนำเศษวัสดุเหลือใช้มาทำประโยชน์ตามโครงการ “ร่วมมือกันเรานำมาใช้ใหม่ได้” หรือ Together We Can Reuse It ด้วยการนำเศษด้ายที่เหลือใช้จากการผลิตมาถักเป็นตุ๊กตา โดยพนักงานเป็นทั้งผู้ผลิตและนำออกขายเอง และนำรายได้ไปมอบให้กับองค์กรการกุศล นอกจากนี้อินเตอร์เฟซฟลอร์ได้ขยายผลต่อด้วยการนำความรู้นี้ไปสอนให้กับชาวบ้านที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ได้รับบริจาคเส้นด้ายจากบริษัทฯ เพื่อเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย
4) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตลดลงร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปี 2539 การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและการใช้พลังงานหมุนเวียนของอินเตอร์เฟซส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 24,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเท่ากับปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ของต้นไม้ที่ปลูกนาน 10 ปี ถึง 612,641 ต้น ตามตารางการคำนวณอัตราเทียบเท่าก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Equivalencies Calculator) ของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐ
5) การให้คำมั่นในการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของทุกผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน EPDs ภายใต้ตราสินค้าอินเตอร์เฟซฟลอร์ และเบนทลีย์ พรินซ์ สตรีท ภายในปี 2555 ข้อมูลผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Environmental Product Declaration (EPD) นั้นเป็นมาตรการใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อ เช่นเดียวกับฉลากโภชนาการ ด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ“ส่วนผสม” ของผลิตภัณฑ์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตลอดอายุการใช้งาน EPD คำนวณจากการประเมินวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีรายละเอียดของทรัพยากรที่ใช้ และผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยยึดจากแนวทางมาตรฐานตามประเภทผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรอิสระที่ได้รับข้อมูลอย่างโปร่งใสและครบถ้วน
ท่านที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอินเตอร์เฟซและการประเมินผลกระทบของบริษัทที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและความคืบหน้าได้ที่ http://www.interfaceglobal.com/Newsroom/Press- Releases.aspx.
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือติดต่อเพื่อขอนัดสัมภาษณ์ผู้บริหาร โปรดติดต่อ
วิกันดา สวัสดิ์บุรี
บริษัท มาร์เก็ตติ้ง อินทิเกรชั่น จำกัด
โทรศัพท์ 0 2574 6414
อีเมล์ vikanda@mi.co.th