กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--บลจ.ธนชาต
บลจ.ธนชาต มองบวกหุ้นต่างประเทศและสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน เผยตลาดปัจจุบันหนุนผสมการลงทุนที่เข้มข้นขึ้น เช่น หุ้น มากกว่าการถือเงินสด บรรยากาศเอื้อ ทั้งเศรษฐกิจโลก ดอกเบี้ยต่ำ สภาพคล่องเหลือในระบบสูง โอกาสเศรษฐกิจถดถอยน้อยช่วงหลังวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ผู้ลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูงมาก ๆ เพราะความกลัว ทำให้ช่วงนั้นพันธบัตรรัฐบาลหรือกองทุนตลาดเงินเงินไหลเข้าอย่างมหาศาล 2 ปีที่ผ่าน มาถึงตอนนี้ที่โลกฟื้นตัวสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ น้ำมัน) ปรับตัวได้ดีแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
ปัจจัยเกื้อหนุนที่ทำให้การลงทุนประเภทที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้นในต่างประเทศ ปรับตัวได้ดี ก็คือ การฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจโลกโดยรวม รวมถึงปัจจัยบวกอื่น ๆ เช่น การขยายตัวในอัตราที่สูงของเศรษฐกิจโดยเฉพาะ “จีน” การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของ“สหรัฐฯ” สภาพคล่องส่วนเกินในระบบที่ต้องการหาที่ลงทุน
หุ้น เป็นสินทรัพย์ที่จะยังมีโอกาสดีต่อเนื่องในปี 2011 จากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ที่เห็นได้ชัด คือ ผลการประกอบการที่ขยายตัวดีของบริษัทจดทะเบียนที่แข็งแรงในต่างประเทศ แม้หุ้นจะขึ้นมามาก แต่กำไรก็ฟื้นตัวสูงด้วย ความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสน้อย โดยหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วจะเริ่มฟื้นตัวไล่ตามหุ้นในประเทศกำลังพัฒนาที่ปรับตัวขึ้นมาก่อน โอกาสแบบนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นเมื่อประกอบกับผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้ อยู่ในระดับต่ำ
หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลกำไรเติบโต และชนะเงินเฟ้อ เน้นหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่ในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และเฉพาะประเทศหลัก ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะในหุ้นของบริษัทที่มียอดขายมาจากหลายประเทศทั่วโลก หรือ Multinational Firms และหุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งยังมีจุดแข็งด้านการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว เป็น Long-Term Overweight จากการเติบโตที่สูงกว่าบางภูมิภาค หุ้นในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในแต่ละประเทศ จะ Perform แตกต่างกัน ต้องแยกแยะของดี ของไม่ดี ไม่เหมารวม เช่น ในยุโรปที่บางประเทศมีปัญหาหนี้สินล้นพ้น แต่ก็มีประเทศที่แข็งแรงและน่าสนใจลงทุนอยู่ เช่น เยอรมัน
ส่วนแนวโน้มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ หรือน้ำมัน นั้น ยังมีมุมมองบวก ที่ผ่านมาราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยขึ้นมาแล้วโดยเฉลี่ย 18% จากต้นปี (เพิ่มขึ้น 20% ปี 2010) โดยราคาพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด
สินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ดีในปีนี้ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การลดลงของซัพพลายน้ำมันจากปัญหาในตะวันออกกลางและแอฟริกา ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ส่วนทองคำ โลหะอุตสาหกรรม และสินค้าเกษตรยังมองบวกในระยะยาว หากเกิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อนานๆ จะ กระตุ้นให้คนถือสินทรัพย์ที่สามารถรักษาอำนาจซื้อไว้ได้ ซึ่งภาวะเช่นนี้เอื้อต่อ “ทองคำ”
น้ำมันยังคงมีโอกาสจะสูงต่อเนื่องในระยะกลาง ปัจจัยที่ควรระวังคือการปรับฐานหากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แอฟริกา คลี่คลายลง
ส่วนปัจจัยที่อาจจะทำให้ภาพอาจจะเปลี่ยนไป ก็ เช่น ความเสี่ยงที่หากสถานการณ์เกิดเกินคาดในตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งอาจมีผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง (ความไม่สงบในลิเบีย เยเมน บาห์เรน ซีเรีย..) ซึ่งอาจจะนำไปสู่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือถดถอย เงินเฟ้อ การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วซึ่งกระทบต่อสภาพคล่อง
ในตลาดแบบนี้ บลจ.ธนชาต มองว่าการลงทุนในระยะฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะยังต้องรอประเทศพัฒนาแล้วบางกลุ่ม อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในระบบการเงินที่สูงมาก จึงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ มากกว่าตราสารความเสี่ยงต่ำ
ในมุมของ บลจ.ธนชาตนั้น ผู้ลงทุนควรผสมการลงทุนในการลงทุนหลาย ๆ ประเภท ตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับตัวเองเพราะ กลุ่มสินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนดีในแต่ละช่วงเวลา ยากที่จะคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ การย้ายเงินลงทุนทั้งหมดไปเรื่อย ๆ เพื่อหาสินทรัพย์ที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนสูงสุดเพียงสินทรัพย์เดียว ในแต่ละช่วงเวลา เสี่ยงต่อความผิดพลาดหากไม่เป็นไปตามคาด เพราะการลงทุนมีการกระจุกตัวสูง การผสมการลงทุนในการลงทุน หลาย ๆ ประเภทเป็นทางเลือกในการรักษาโอกาสการลงทุนใน market cycles ที่เปลี่ยนแปลงไป
และเพื่อไม่ให้พลาดจังหวะตลาด นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้เสนอกองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวมีขนาดกองทุน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอวันที่ 27 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2554 นี้ มูลค่าขั้นต่ำการสั่งซื้อ 1,000 บาท
“กองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund” จุดเด่นเน้นสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนตามสถานการณ์ นโยบายการลงทุนที่กว้างสามารถกระจายการลงทุนได้ทั่วโลก ที่มีโอกาส มีศักยภาพ ไม่มีข้อจำกัดเรื่องภูมิภาค ประเทศหรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสรรหาผู้จัดการกองทุนและกองทุนต่างประเทศ ที่มีความชำนาญโดดเด่น
กองทุนเปิดธนชาต Global Equity Fund (T-GlobalEQ) เป็นกองทุนรวมที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (กองทุน FIF) แบบฟันด์ออฟฟันด์ กองทุนจะเข้าไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหุ้นต่างประเทศหลาย ๆ กองทุนที่มีความโดดเด่นชำนาญในแต่ละภูมิภาค หรือแต่ละประเทศ สามารถลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ ได้ทั่วโลก ปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ตามภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป
แนวคิดการลงทุนของ T-GlobalEQ เน้นกระจายการลงทุนตามภูมิภาคเป็นหลัก (Regional Allocation) คือ เน้นกองทุนต่างประเทศที่เน้นลงทุนต่างภูมิภาคกัน อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่เน้นเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งบ้างบางส่วน ในกรณีที่แนวคิดการลงทุนน่าสนใจอย่างชัดเจน เป้าหมายลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุนแบบเชิงรุก(active managers) ที่มีความโดดเด่นในการลงทุนภูมิภาคนั้น ๆ หรือประเทศนั้น ๆ ไม่เน้น ETFs และ Index Funds และปรับสัดส่วนการลงทุนในภูมิภาคที่มีโอกาสดี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือ ชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการที่ บลจ.ธนชาต 02-1268300
คำเตือน
การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การวัดผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานที่กำหนด โดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือ ชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการที่ บลจ.ธนชาต 02-1268300
การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุน TGlobalEQ เมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุนรวมนี้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของผู้ลงทุน และผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้
ผู้สนใจลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุนและควรเก็บไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต
กองทุน TGlobalEQ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการลงทุนในต่างประเทศตามความเหมาะสมและสภาวการณ์ในแต่ละขณะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่ผู้จัดการกองทุนเห็นเหมาะสม จึงอาจยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเหลืออยู่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ อีกทั้ง การทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงอาจมีต้นทุน ซึ่งทำให้ผลตอบแทนของกองทุนโดยรวมลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ.ธนชาต โทร 0-2126-8399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร 1770 หรือธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2828-8000 หรือผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com