กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย)
หลังจากอยู่ในสายการผลิตมาเป็นเวลา 4 ปีและมียอดจำหน่ายสูงกว่า 1 ล้านคันทั่วโลก เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เปิดตัว E-Class รุ่นใหม่ ซึ่งใน E-Class เจนเนอเรชั่นใหม่มีชิ้นส่วนกว่า 2,000 ชิ้นที่เป็นของใหม่หรือมีการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น E-Class ใหม่ ปรับรูปลักษณ์ใหม่เพื่อสื่อถึงพละกำลัง, การทรงตัวและความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในรุ่นเดิม ไม่มีรถยนต์อื่นใดในระดับเดียวกันนี้จะเทียบได้ในเรื่องของนวัตกรรมทางด้านความปลอดภัยที่ประกอบด้วย ระบบ PRE-SAFE?, หมอนรองศีรษะแบบ NECK-PRO ระบบเพื่อความปลอดภัยต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ E-Class ใหม่เป็นรถยนต์ที่ให้ความปลอดภัยมากที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน
DIRECT CONTROL พร้อมด้วย ระบบบังคับเลี้ยว direct steering และระบบกันสะเทือนที่ปรับปรุงใหม่, เครื่องยนต์ใหม่ที่มีให้เลือก 2 รุ่นให้ความคล่องแคล่วปราดเปรียวและความเพลิดเพลินในการขับขี่สูงสุด ขณะที่ยังให้การประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงที่โดดเด่น เครื่องยนต์เหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้มีแรงม้าเพิ่มมากขึ้น 26% และให้แรงบิดมากขึ้น 18%
ในปี 2005 เมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class เป็นรถยนต์นั่งแบบซาลูนอันดับที่หนึ่งของผู้บริหารในยุโรปตะวันตก มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 30% ในเยอรมนี 38% ของผู้ซื้อรถยนต์นั่งระดับพรีเมียมจะเลือกซื้อ E-Class ซาลูนทำให้รถยนต์นั่งแบบซาลูนนี้เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ประเทศเยอรมนีถึง 4 ปีติดต่อกัน และมียอดจำหน่ายทั่วโลก กว่า 1,000,000 คันนับตั้งแต่เริ่มออกจำหน่ายใน ปี 2002 โดยแบ่งเป็นแบบซาลูน 860,000 คันและแบบเอสเตท 140,000 คัน
เป็นเวลากว่า 60 ปีที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น E-Class เป็น เสมือน “หัวใจ” ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในแง่ด้านความคุ้มค่าทั้งในด้านของความปลอดภัย, ความสะดวกสบาย, นวัตกรรมใหม่ๆ, ความประหยัดและคุณภาพ นับตั้งแต่ปี 1946 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ส่งมอบรถยนต์นั่งแบบซีดานระดับหรูหราให้กับลูกค้าประมาณ 10 ล้านคนทั่วโลก
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2007 เป็นวาระแห่งการมาถึงของ E-Class ใหม่ที่มีพละกำลังสมรรถนะมากขึ้นด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี่ใหม่และยกระดับอุปกรณ์มาตรฐานใหม่
การออกแบบส่วนหน้าสุดของตัวรถใหม่สะท้อนให้เห็นถึงพละกำลัง, สมรรถนะ, การทรงตัวและความปลอดภัยที่มีอยู่ใน E-Class เจนเนอเรชั่นใหม่ กันชนหน้าและกระจังหน้าออกแบบในลักษณะรูปตัว V (V-shape) ซึ่งเป็นบทสรุปให้กับสมรรถนะและอำนาจในการเคลื่อนไปข้างหน้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ยกระดับชุดไฟคู่หน้าที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ E-Class ด้วยการเพิ่มส่วนที่เหมือนกับบานเกล็ดโปร่งแสงที่ส่วนบนสุดของโคมไฟคู่หน้าทำให้ไฟส่องสว่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นครั้งแรกที่มีการใช้หลอดไฟ LEDs สีขาวเป็นไฟถอยหลังหรือไฟจอด นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังให้ความสำคัญในการเน้นให้เห็นถึงพละกำลังที่มากขึ้นใน E-Class ใหม่ทุกรุ่นด้วยสเกิร์ตด้านข้างและกันชนหลังในสไตล์ AVANTGARDE
ภายในห้องโดยสาร E-Class รุ่นใหม่แตกต่างจากรุ่นเดิมด้วยโทนสีใหม่ที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยใหม่แบบ 4 ก้านที่มีปุ่มควบคุมการทำงานของฟังค์ชั่นต่าง ๆ ออกแบบในทรงกลมรีและชุดควบคุมการทำงานของระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ THERMATIC แบบใหม่
การออกแบบกระจังหน้า: รูปลักษณ์ของพละกำลังและความเชื่อมั่นในตัวเอง
รูปแบบของกระจังหน้าที่ดีไซน์ใหม่สะท้อนถึงแบบฉบับที่เป็นสัญลักษณ์ของ E-Class ใหม่: พละกำลัง, สมรรถนะและความราบรื่น สิ่งเหล่านี้ถูกตอกย้ำให้โดดเด่นขึ้นด้วยรูปแบบของกันชนและกระจังหม้อน้ำด้านหน้าที่เป็นรูปตัว V ซึ่งเป็นบทสรุปให้กับสมรรถนะและอำนาจในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า กระจังของหม้อน้ำมีความสูงขึ้น 3 ซม. สิ่งเหล่านี้ช่วยยกระดับของคุณลักษณะและรูปลักษณ์ที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างโดดเด่นปรากฏให้เห็นมากกว่าในรุ่นก่อนเครื่องหมายการค้าของเมอร์เซเดส ดวงดาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกถูกปรับตำแหน่งใหม่ให้อยู่บนฝากระโปรงเหนือกรอบโครเมียมของกระจังด้านหน้ารถ เพื่อให้สัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ชุดไฟคู่หน้าทรงกลมยังคงเป็นสัญลักษณ์สำคัญอีกประการหนึ่งของเมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class อย่างไรก็ตามถ้ามองลึกลงไปในดวงตาที่สวยงามคู่นี้จะเห็นถึงความสวยงามทันสมัยจากการแบ่งดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นสองส่วน ส่วนบนออกแบบให้มีลักษณะเหมือนบานเกล็ดโปร่งใสแนวนอนทำให้ภาพโดยรวมของตัวรถด้านหน้าดูสวยงามโดดเด่นขึ้นช่วยทำให้เกิดมิติของความกว้างที่บริเวณด้านหน้าของตัวรถ เมื่อเปิดสวิทซ์ไฟหน้า ส่วนด้านบนที่เหมือนบานเกล็ดนี้ดึงดูดความสนใจได้ด้วยตัวของมันเอง ด้วยความโปร่งใสและมีผลทำให้การกระจายของแสงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ลักษณะเดียวกันนี้ถูกนำไปใช้ในดวงตาคู่เล็กอีกคู่หนึ่งที่อยู่ทางด้านหน้าของ E-Class ใหม่นี้ด้วย ถ้าเลือกที่จะติดตั้งชุดไฟหน้าแบบไบ-ซีนอน ชุดไฟถอยเข้าจอดหรือเบรกที่เป็นหลอดไฟแบบ LED (LED parking lights)ให้แสงสว่างที่สุกใสแวววาวทำให้เกิดเป็นจุดใหม่ที่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ทีมนักออกแบบของเมอร์เซเดสยังได้ออกแบบส่วนล่างของกันชนและไฟตัดหมอกใหม่เพื่อให้เกิดมุมมองที่ประทับใจมากขึ้น แนวเส้นขนาดใหญ่สะดุดตาสองเส้นที่ลื่นไหลต่อเนื่องมาจากกันชนหน้าสร้างความเด่นชัดอย่างเป็นเอกเทศให้กับช่องดักอากาศด้านล่างและชุดไฟตัดหมอกที่ออกแบบในทรงกลมรี ช่วยเสริมให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังของ E-Class เจนเนอเรชั่นใหม่
รูปลักษณ์ด้านข้างและด้านหลัง: แนวเส้นที่บ่งบอกถึงสมรรถนะ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ยกระดับมุมมองทางด้านข้างของ E-Class ใหม่ด้วยการติดตั้งสเกิร์ตด้านข้างในรูปแบบของชุดตกแต่งสไตล์ AVANTGARDE กระจกมองข้างที่ออกแบบใหม่ในสไตล์ single-axis เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ปรับให้เป็นที่ถูกอกถูกใจมากขึ้นและมีฟังค์ชั่นการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ
เช่นเดียวกับสเกิร์ตด้านข้าง ทุก ๆ รุ่นของ E-Class เจนเนอเรชั่นใหม่นี้ได้รับการออกแบบกันชนหลังใหม่เป็นดีไซน์แบบ AVANTGARDE ดังนั้นจึงทำให้ภาพโดยรวมทางด้านหลังของ E-Class ใหม่นี้สะท้อนถึงพละกำลังได้อย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้น แนวเส้นโครเมียมที่ฝากระโปรงท้ายขยายให้ยาวขึ้น ผลที่ได้รับทำให้เกิดเป็นมิติของความกว้างซึ่งนำไปสู่การแสดงออกถึงสมรรถนะและพละกำลังจากมุมมองทางด้านหลัง
ชุดไฟท้ายของ E-Class ใหม่ได้รับการรีดีไซน์ใหม่ให้ใหญ่ขึ้นและให้การส่องสว่างที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยเลนส์ที่อยู่ภายใต้กระจกใสสีดำ ไฟเบรกดวงที่สามมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากเทคโนโลยีของหลอดไฟ LED
การตกแต่งภายใน: โทนสี, เบาะหนังและวัสดุใหม่
เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ทำการยกระดับการตกแต่งภายในของ E-Class ใหม่ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในทุกรายละเอียด E-Class ใหม่ทุกรุ่นติดตั้งพวงมาลัยแบบสี่ก้านที่ออกแบบใหม่เช่นเดียวกับปุ่มควบคุมการทำงานที่พวงมาลัยออกแบบเป็นรูปทรงกลมรี ชุดควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศอัตโนมัติ THERMATIC ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเป็นแบบใหม่อีกทั้งยังวางรูปแบบการแสดงข้อมูลแบบใหม่เพื่อให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้น โทนสีที่ใช้ในการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ล้วนแต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยเช่นกัน
ความปลอดภัย: สร้างมาตรฐานใหม่ในรถยนต์นั่งระดับพรีเมียมด้วยระบบ PRE-SAFE? และนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ อีกมากมาย
การเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมใหม่ ๆ ช่วยให้ E-Class ยังคงเป็นผู้นำทางด้านของความปลอดภัยในรถยนต์นั่งระดับเดียวกัน E-Class ใหม่ทั้งได้รับการติดตั้งระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE? ซึ่งสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าถึงสถานการณ์ที่อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเซ็นเซอร์ตรวจพบว่ารถกำลังสูญเสียการทรงตัวจะสั่งการทำงานให้เข็มขัดนิรภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรั้งกระชับเข้ากับร่างกายทันทีเพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ระบบ PRE-SAFE? ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในเมอร์เซเดส-เบนซ์ S-Class ในปี 2002 และได้รับรางวัลที่มีชื่อเสียงอย่างมากมาย เป็นการนำไปสู่ยุคใหม่ของรถยนต์ที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด โดยที่ไม่มีรถยนต์นั่งในระดับพรีเมียมยี่ห้อใดเคยนำเสนอระบบที่ให้ปกป้องคุ้มครองล่วงหน้าแบบนี้มาก่อน
การติดตั้งหมอนรองศีรษะ NECK-PRO ใน E-Class ใหม่นี้เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะอีกอย่างหนึ่ง ในกรณีที่เกิดการปะทะจากทางด้านหลัง เซนเซอร์ควบคุมหมอนรองศีรษะจะสั่งการให้หมอนรองศีรษะเคลื่อนที่มารองรับเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้าภายในเวลาเสี้ยววินาที การตอบสนองการชนบริเวณพนักพิงศีรษะนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังตอนบนที่อาจเกิดขึ้นได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บบริเวณลำคอที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 8 พันล้านเหรียญยูโรของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละปีในทวีปยุโรป
สำหรับความปลอดภัยแก่ผู้ขับและผู้โดยสารเป็นสิ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยึดถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง E-Class ใหม่จึงได้รับการทดสอบการชนแบบเข้มงวดที่สุด เช่นการทดสอบการชนทางด้านหลังด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาหรือการทดสอบการชนทางด้านข้าง ปัจจุบัน E-Class ใหม่ผ่านการทดสอบการชนมาแล้วถึง 330 ครั้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความไม่หยุดยั้งที่จะปรับปรุงพัฒนาให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System): ครั้งแรกของโลกกับเทคโนโลยีใหม่ของระบบไฟหน้า
E-Class ใหม่เป็นยนตรกรรมรุ่นแรกของโลกที่ใช้ไฟหน้าแบบ adaptive headlamps ซึ่งให้การตอบสนองต่อการขับขี่ที่เหนือเกว่าในทุกสภาพอากาศ อันเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงพัฒนาความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ E-Class ใหม่ใน 2 รุ่นคือ E220 CDI Avantgarde และ E230 Avantgarde โดยใช้พื้นฐานจากไฟหน้าแบบไบ-ซีนอนประสิทธิภาพสูงและยังรวมถึงการทำงานของระดับไฟส่องสว่างที่แตกต่างกันถึง 5 ระดับ ในโหมดที่ใช้กับเส้นทางทั่วไปไฟหน้าจะให้แสงที่สว่างกว่า กว้างไกลกว่าแบบปัจจุบันทำให้สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้าและด้านข้างได้ขัดเจนมากกว่า ทัศนวิสัยในการมองเห็นของผู้ขับรถเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 เมตรซึ่งทำให้ผู้ขับสามารถที่จำแนกผู้ใช้รถยนต์อื่น ๆ หรือสิ่งกีดขวางที่อยู่ในความมืดได้ดีขึ้น ในโหมดการทำงานแบบมอเตอร์เวย์ระบบไฟส่องสว่างจะปรับการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อความเร็วที่ใช้เกินกว่า 90 กม./ชม. การกระจายของลำแสงในลักษณะรูปกรวยจะขยายมากขึ้นถึงกว่า 120 เมตรทำให้ผู้ขับสามารถมองเห็นความกว้างของถนนได้มากขึ้นและจากจุดศูนย์กลางของลำแสงผู้ขับสามารถมองเห็นโดยรอบได้กว้างขึ้นถึง 50 เมตร การยกระดับไฟตัดหมอกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะนี้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังได้พัฒนาและปรับปรุงระบบปรับโคมไฟหน้าตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (Active Light System) ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์เริ่มนำมาใช้กับรุ่น E-Class ตั้งแต่ปี 2003 ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนประกอบอื่นในระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะนี้ยังประกอบด้วยฟังค์ชั่นการทำงานของระบบไฟเลี้ยวโค้งตามพวงมาลัยที่ให้ความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นในขณะเลี้ยวรถตามแยกต่าง ๆ หรือการเข้าโค้ง
เครื่องยนต์ดีเซล: เครื่องยนต์สี่สูบที่ให้กำลังแรงม้าเพิ่มมากขึ้น
เครื่องยนต์ที่ใช้ใน E-Class ใหม่นี้เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่และได้รับการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นโดยมีแรงม้าเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ 82 แรงม้าและแรงบิดเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ 70 นิวตันเมตรขึ้นไป อย่างไรก็ดีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมีตัวเลขที่ยอดเยี่ยมในระดับเดียวกับเครื่องยนต์ที่ใช้กับ E-Class รุ่นก่อนหน้านี้ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class ใหม่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยต่ำกว่า 8 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ค่าเฉลี่ยของรถยนต์ E-Class กล่าวโดยรวมแล้ว E-Class ใหม่จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ E-Class ใหม่ยังคงยึดมั่นในคุณลักษณะที่โดดเด่นเป็นพิเศษและหนึ่งในนั้นก็คือความประหยัดนั่นเอง
ทีมวิศวกรของเมอร์เซเดสได้ทำให้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบมีความเหมาะสมที่สุดในทุกรายละเอียดเพื่อนำมาใช้กับ E-Class ใหม่รุ่น E220 CDI ชิ้นส่วนมากกว่า 90 ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ CDI ผลิตขึ้นมาใหม่หรือได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้กับ E-Class ใหม่รุ่นนี้มีแรงม้า, แรงบิดและการขับเคลื่อนที่นุ่มนวลมากขึ้น
สำหรับในรุ่น E220 CDI เครื่องยนต์ได้พัฒนาให้มีแรงม้าสูงสุด 170 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรเพิ่มมากขึ้นกว่าเครื่องยนต์รุ่นปัจจุบัน 14 และ 18% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงอยู่ในระดับต่ำเหมือนเดิมที่ 6.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร
เครื่องยนต์เบนซิน: เครื่องยนต์ซุปเปอร์ชาร์จให้พละกำลังมากขึ้น
ในส่วนของเครื่องยนต์เบนซิน วิศวกรของเมอร์เซเดสให้ความสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับเครื่องยนต์ 4 สูบ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบที่ใช้ใน E200 KOMPRESSOR รุ่นใหม่นี้มีแรงม้ามากกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนถึง 12.5% โดยมีแรงม้าสูงสุด 184 แรงม้า ในเวลาเดียวกันสามารถเพิ่มแรงบิดได้ถึง 250 นิวตันเมตร
DIRECT CONTROL: มาเป็นชุดเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างรื่นรมย์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สายเลือดใหม่ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดนี้มีพละกำลังในการเคลื่อนที่มากขึ้น, กำลังที่มากขึ้นและยังมอบประสิทธิภาพในการบังคับควบคุมที่ดีเยี่ยม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยระบบ DIRECT CONTROL ซึ่งวิศวกรของเมอร์เซเดสได้จัดมอบให้เพื่อให้การบังคับควบคุมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากผลกระทบต่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกลอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่สำคัญของ E-Class
การบังคับควบคุมระบบบังคับเลี้ยวเพิ่มขึ้นกว่า 10% ทำให้ E-Class ใหม่มีการตอบสนองต่อการบังคับควบคุมการเคลื่อนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม E-Class ใหม่ยังให้ความมั่นใจกับผู้ขับอย่างเต็มที่ในการบังคับควบคุมด้วยความปลอดภัยและมั่นคงอย่างดีเยี่ยม สปริงที่เชื่อมต่อกับแบริ่งได้รับการพัฒนาใหม่ล่าสุดช่วยรองรับแรงที่เกิดขึ้นทางด้านข้างของตัวรถช่วยให้การเข้าโค้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกแบบแปรผัน (ADAPTIVE BRAKE) นำมาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ S-Class รุ่นใหม่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากขึ้นต้องขอบคุณเป็นพิเศษกับระบบอีเลคโทรนิคควบคุมเบรกไฮดรอลิคแบบวงจรคู่ ส่วนระบบเตือนอัตโนมัติเมื่อยางสูญเสียความดันลมถูกนำมารวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ติดตั้งมาตรฐานใน E-Class ใหม่นี้เช่นกัน
บริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด,
ฝ่ายสื่อสารองค์กร, โทรสาร 0-2676-5685
Website: www.mercedes-benz.co.th
ฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ 0-2 344 61 20 01-836 0014 chatvithai.tantraporn@daimlerchrysler.com
เยาวเรศ เลิศลือชาชัย 0-2 344 61 21 01-805 3492 yaowaret.lertluechachai@daimlerchrysler.com
อรดา ดลกิจ 0-2 344 61 22 01-853 42 22 orada.dolkit@daimlerchrysler.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net