กรุงเทพฯ--28 เม.ย.--ก.ส.ล.
ผลการประมูลข้าว ณ ท่าข้าวกำนันทรง ประสบความสำเร็จด้วยยอดประมูลรวม 2,320 ตัน มูลค่ากว่า 29,873,000 บาท ก.ส.ล. เชื่อหากตลาดจริงมีกลไกด้านราคาที่เป็นธรรม น่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับ จะสามารถเชื่อมโยงราคาข้าวในตลาดจริง และราคาข้าวใน AFET ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้เป็นราคาอ้างอิงในตลาดสากลได้
นายประยุทธ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) เปิดเผยภายหลังจากเข้าร่วมสังเกตการณ์การประมูลข้าวสาร ณ ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2554 ว่า มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลทั้งผู้ซื้อผู้ขายที่เป็นผู้ประกอบการโรงสี โรงแป้งจากหลายจังหวัด เช่น กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท ปทุมธานี เป็นต้น รวมถึงเทรดเดอร์ต่างประเทศ โดยผลการประมูลในครั้งนี้มียอดรวมข้าวสารที่ประมูลทั้งสิ้น 2,320 ตัน คิดเป็นมูลค่า 29,873,000 บาท ซึ่งมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการประมูลในครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคม 2554 ที่มียอดการประมูลเพียง 60 ตัน มูลค่า 1,000,000 บาท
การประมูลข้าวสารในครั้งนี้เกิดจากการที่กระทรวงพาณิชย์ เห็นควรพัฒนาระบบการค้าข้าวในตลาดจริง (Spot Market) ให้สอดคล้องกับโครงสร้างการผลิต และการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นในด้านของเกษตรกร และผู้ประกอบการโรงสี โดยได้ร่วมกับชมรมโรงสีข้าวจังหวัดนครสวรรค์ จัดให้มีตลาดกลางข้าวสารในลักษณะของการประมูลขึ้น ณ ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้เชื่อว่าหากทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และสนับสนุนให้ท่าข้าวกำนันทรงเป็นตลาดกลางในการประมูลข้าวสารของประเทศจนสามารถสร้างการยอมรับ และเป็นที่เชื่อถือ จะส่งผลให้ระบบตลาดสินค้าข้าวของประเทศมีความสมบูรณ์ ทั้งตลาดจริง คือ ตลาดกลางประมูลข้าวสารนครสวรรค์ กับตลาดล่วงหน้า คือ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)
หากกลไกราคาของทั้ง 2 ตลาดสามารถสะท้อนอุปสงค์ และอุปทานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคาข้าวของประเทศไทยซึ่งถือเป็นผู้ผลิต และผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก จะสามารถเป็นราคาอ้างอิงในตลาดโลกได้ ทั้งนี้เชื่อว่าหากระบบตลาดมีการแข่งขันกันอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม จะส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกของเกษตรกรในทิศทางที่ดีด้วยเช่นกัน นายประยุทธ กล่าวทิ้งท้าย