กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การประชุมเชิงปฏิบัติการ Top Executives’ Networking Forum 2005 จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในวันที่ 4 มีนาคม 2548 ที่ จ.ภูเก็ต เปิดเวทีให้ 3 ตลาดน้องใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ mai ตลาดอนุพันธ์ และตลาดตราสารหนี้ นำเสนอจุดเด่นและแผนงานในอนาคต ดึงพันธมิตรในตลาดทุนร่วมสนับสนุน เพื่อผลักดันตลาดทุนให้สมบูรณ์แบบ
โดยนายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ mai ได้กล่าวย้ำถึงคุณภาพของสินค้าในตลาดหลักทรัพย์ mai ว่ามีความทัดเทียมกับสินค้าในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ขนาดทุนเล็กกว่า โดยปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะต้องมีทุน 20 ลบ. แต่ไม่เกิน 300 ลบ. และได้มีการยกเลิกการกำหนดให้บริษัทจดทะเบียนใน mai ที่ระดมทุนจนเกิน 300 ลบ. ต้องย้ายไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมั่นใจว่าสินค้าใน mai เป็นสินค้าที่มีคุณภาพทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ โดยขอเชิญชวนให้บริษัทจดทะเบียนใน mai ปัจจุบันเร่งให้บริษัทลูกได้เข้ามา จดทะเบียนใน mai ในลักษณะ member get member ด้วยเพื่อให้ mai มีความน่าสนใจมากขึ้น
ทั้งนี้ ตามแผน 5 ปี mai จะมีซัพพลายที่หลากหลายให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุน โดยคาดว่าจะมีบริษัท จดทะเบียนถึง 500 บริษัท รวมทุนจดทะเบียน 250,000 ล้านบาท ภายในปี 2552 สำหรับด้านดีมานด์ จะดึงมืออาชีพมาลงทุนในหลักทรัพย์ของ mai เพื่อสร้างความน่าสนใจแก่ผู้ลงทุนทั่วไป โดยจะประเดิมให้มีกองทุนรวมที่ลงทุนใน mai รายแรกบริหารโดย บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัดเข้าลงทุน
ด้านตลาดอนุพันธ์ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX: Thailand Futures Exchange Public Co., Ltd.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ TFEX อยู่ระหว่างการวางระบบ และปลายปีนี้จะเปิดให้ซื้อขายสินค้าตัวแรก คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50 Index หรือ SET50 Index Futures ซึ่งขณะนี้มีโบรกเกอร์ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกตลาดอนุพันธ์แล้ว 16 ราย โดยจะขยายเวลาให้โบรกเกอร์ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ตอบรับได้จนถึงวันจันทร์ที่ 7 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอนุพันธ์จะทำให้การซื้อขายอนุพันธ์เป็นเรื่องที่ไม่ยากอย่าง ที่คิด โดย TFEX ได้ร่วมมือจากสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุนหรือ TSI จัดโปรแกรมความรู้เกี่ยวกับอนุพันธ์เพื่อผู้ลงทุนมากมาย เช่น ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอนุพันธ์ และ ก้าวแรก…กับตลาดอนุพันธ์ ซึ่งเปิดให้ผู้สนใจสมัครเข้ารับการอบรมได้ฟรีที่ โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222 หรือที่ www.tsi-thailand.org
ส่วนตลาดตราสารหนี้ หรือ Bond Electronic Exchange (BEX) นั้น นายสันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้เปิดเผยว่า จะเน้นเป้าหมาย “เข้าถึงง่าย ต้นทุนต่ำ สภาพคล่องมา” โดยการมีสินค้าจำนวนมาก จะช่วยกระตุ้นความน่าสนใจของตลาด สภาพคล่องในตลาดก็จะมีมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน BEX มีผู้ออก หลักทรัพย์ จำนวน 16 ราย รวม 42 หุ้นกู้ มูลค่าคงค้างประมาณ 2 แสนล้านบาท คาดว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีหุ้นกู้และพันธบัตรภาครัฐเข้ามาจดทะเบียนมากขึ้น และทำให้มูลค่าคงค้างเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ดร.สันติได้เชิญชวนให้บริษัทจดทะเบียนหันมาระดมทุนโดยการออกตราสารหนี้ เพราะเป็นการระดมทุนที่มีต้นทุนทางการเงินต่ำที่สุด โดยเชิญชวนบริษัทจดทะเบียนเตรียมความพร้อมก่อนการออก หุ้นกู้ โดยการจัดอันดับเครดิตก่อน ซึ่ง BEX จะให้การสนับสนุนทันทีโดยการจัดโปรแกรมช่วยค่าใช้จ่ายในการจัดอันดับ พร้อมทั้งยังยกเว้นค่าธรรมเนียมให้บริษัทที่นำหุ้นกู้เข้าจดทะเบียนภายในธันวาคม 2548 นี้ด้วย
ในขณะเดียวกันได้เชิญชวนบริษัทสมาชิกเข้าสู่ธุรกิจตราสารหนี้ด้วย เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำในปัจจุบัน ส่วนในด้านผู้ลงทุน ตลาดตราสารหนี้ หรือ BEX ปัจจุบันช่วยอำนวยความสะดวกในกระจายความเสี่ยงของประชาชนที่ลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ สำหรับแผนปี 2549 จะบุกตลาดลูกค้าผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารซึ่งมีมูลค่าการลงทุนที่สูงขึ้น ในขณะที่การทำงานร่วมกับศูนย์ ตราสารหนี้ไทย หรือ Thailand Dealing Center (TBDC) ตามแผนส่งเสริมตลาดตราสารหนี้ของกระทรวงการคลัง มีความชัดเจนแล้วในขณะนี้ และการดำเนินงานเต็มรูปแบบ คงจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2548 นี้เป็นต้นไป
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 /
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--