ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ ลุยพื้นที่ สั่งเข้มเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกต่อเนื่อง

ข่าวทั่วไป Friday June 10, 2005 11:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--กทม.
เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.48) เวลา 10.00 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ.เพ็ญศรี พิชัยสนิธ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นพ.ปิตินันท์ ณัฐรุจิโรจน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย แพทย์ และพยาบาลจากศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมชุมชนศิลปเดช สำนักงานเขตจอมทอง เพื่อติดตามผลการปฏิบัติการและมาตรการป้องกันโรคไข้เลือดออก เนื่องจากในปีนี้ (พ.ศ.2548) จากสถิติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 7 มิ.ย.48 พบว่า พื้นที่ที่มีผู้ป่วยโรค ไข้เลือดออกมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เขตจตุจักร 91 ราย อันดับ 2 เขตจอมทอง 85 ราย อันดับ 3 เขตบางซื่อ 69 ราย อันดับ 4 เขตบางคอแหลม 57 ราย และอันดับ 5 เขตหนองจอก 55 ราย
จากนั้นในวันเดียวกัน เวลา 11.30 น. ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ โกษะโยธิน และคณะได้เข้าเยี่ยมชุมชนวัดโตนด เขตภาษีเจริญ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.48 คือ ด.ญ.กัญญาพัชร คำสวาท (น้องนิว) อายุ 9 ปี นักเรียนโรงเรียนวัดโตนด เพื่อแสดงความเสียใจกับครอบครัว อีกทั้งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในชุมชนดังกล่าว รวมถึงแผนการปฏิบัติงานและมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ ระดมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังโรค บ้านจัดสรร ตึกแถวแนวโน้มผู้ป่วยสูง
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการรณรงค์กวาดล้างยุงลายและแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ายังคงมีหลายพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นมาเป็นช่วงฤดูฝนทำให้เกิดน้ำท่วมขังในบางพื้นที่เป็นสาเหตุให้เกิดการเพาะพันธุ์ได้ง่าย อีกทั้งเกิดการแพร่ระบาดของโรคอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.48 กทม.ได้เรียกประชุมด่วนผู้บริหารกทม. สำนักงานเขต เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับแผนการปฏิบัติงานให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยการเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งประชาชนที่อาศัยในชุมชน อีกทั้งหมู่บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ (ตึกแถว) ทั้งนี้จากการหารือพบว่าการแพร่ระบาดของโรคมักเกิดในหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นกลุ่มที่กรุงเทพมหานครยังไม่สามารถเข้าถึงได้เพราะไม่ได้เป็นชุมชนตามระเบียบของกรุงเทพมหานคร จึงมอบหมายให้เขตเร่งประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือกรรมการหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว เพื่อกรุงเทพมหานครจะได้เข้าไปดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดไข้เลือดออกในหมู่บ้านต่อไป
นอกจากนี้จะระดมเครือข่ายด้านสาธารณสุขและเพิ่มชุดปฏิบัติการ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขกว่า 18,000 คน อาสาสมัครในพื้นที่ ตลอดจนเครือข่ายโรงเรียนโครงการสารวัตรปราบยุงลายในการเฝ้าระวังและรณรงค์ให้ความรู้ในการป้องกันตน ครอบครัว และชุมชนใกล้เคียงจากโรคไข้เลือดออก รวมทั้งการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุงลายในพื้นที่ด้วยย้ำประชาชนเฝ้าระวังตน และปฏิบัติตามคำแนะนำเจ้าหน้าที่
ผู้ว่าฯอภิรักษ์ ขอความร่วมมือให้ผู้ปกครอง และประชาชนทุกคน โดยเฉพาะพื้นที่ที่เกิดการระบาด หากบุตรหลานเจ็บป่วย มีอาการไข้สูง คลื่นไส้อาเจียน หรือเมื่อไข้ลดลง มีอาการซึม ปวดท้องกระทันหัน กระสับกระส่าย ให้รีบพบแพทย์ด่วน เพื่อวินิจฉัยโรคและเฝ้าระวังอาการ นอกจากนี้การจะหยุดการแพร่กระจายของโรคไข้เลือดออก จะต้องทำความสะอาดเปลี่ยนน้ำในภาชนะทุก 7 วันหรือใส่สารเคมีกำจัดลูกน้ำ อีกทั้งปิดฝาภาชนะใส่น้ำให้สนิท ฝังหรือเผายางรถไม่ให้มีน้ำขัง ที่สำคัญต้องทำความสะอาดบ้านเรือนและบริเวณโดยรอบให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เป็นที่ซ่อนตัวของยุง เป็นต้นวิตกสถานการณ์ระบาดไข้เลือดออก พบผู้ป่วยเพิ่ม ผู้ว่าฯ อภิรักษ์ สั่งป้องกันด่วน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 48 เวลา 14.30 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมมอบนโยบายการระวังป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้เลือดออก ให้แก่ผู้บริหารสำนักอนามัย ผู้อำนวยการเขต และฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลทั้ง 50 เขต เพื่อประเมินสถานการณ์และหารือถึงแนวทางลดการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการระบาดรุนแรงมาก สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูมีการแพร่พันธุ์ยุงลายพาหะนำโรคดังกล่าว โดยในเดือน พ.ค. 48 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก จำนวน 481 ราย สูงกว่าเดือนเม.ย. ปีเดียวกันซึ่งพบผู้ป่วยประมาณ 200 ราย นับว่ามีอัตราผู้ป่วยไข้เลือดออกเพิ่มสูงมาก
อย่างไรก็ตามคาดว่าเดือนมิ.ย.เป็นต้นไปสถานการณ์จะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามสภาวะอากาศหรือปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมา เชิญผู้บริหารโรงพยาบาลทั่วกทม. เร่งแผนปฏิบัติการป้องกันโรค
นอกจากนี้ปัญหาอีกประการในการควบคุมการแพร่ระบาดไข้เลือดออก คือ ปัญหาการรายงานเมื่อพบผู้ป่วยซึ่งที่ผ่านมา โรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกไม่ได้รายงานให้กรุงเทพมหานครทราบ ดังนั้นในช่วงเช้าวันเดียวกัน กทม.ยังได้เชิญผู้บริหารโรงพยาบาลในสังกัดกทม. 9 แห่ง ศูนย์บริการสาธารณสุข 65 แห่ง โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ 88 แห่ง รวม 162 แห่ง มาร่วมประชุมหารือ โดยมี น.พ.ปิตินันท์ รองปลัดกรุงเทพมหานครเป็นประธานการประชุม เพื่อขอความร่วมมือให้ทุกโรงพยาบาลรายงานจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกหรือผู้ป่วยที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกให้กทม.ทราบ เพื่อที่กทม.จะได้เร่ง สอบสวนโรคและดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดทันทีเพิ่มเครื่องกำจัดยุง พร้อมขยายศูนย์ควบคุมโรคให้ครอบคลุม 50 เขต
อย่างไรก็ดีกรุงเทพมหานครมีเครื่องฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุงทั้งชนิดฉีดพ่นหมอกควันและชนิดฉีดฝอย จำนวน 100 เครื่อง กระจายอยู่ตามศูนย์ควบคุมโรคไข้เลือดออกซึ่งมีกลุ่มเขตละ 1 แห่งรวม จำนวน 12 แห่ง อย่างไรก็ดีกรุงเทพมหานครได้สั่งซื่อเครื่องฉีดพ่นสารเคมีอีกจำนวน 71 เครื่อง เพื่อแจกจ่ายไปยังเขตต่างๆ โดยในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย. นี้ กรุงเทพมหานครจะเชิญสำนักงานเขตต่างๆ มาประชุมและมอบเครื่องฉีดสารเคมีดังกล่าว นอกจากนี้กรุงเทพมหานครจะขยายศูนย์ควบคุมโรคไข้เลือดออกเพิ่มอีกจำนวน 50 แห่งจากเดิม 12 แห่ง รวมเป็น 62 แห่ง โดยกำหนดให้แต่ละเขตจัดตั้งศูนย์ฯ ประจำเขต และได้มอบหมายให้แต่ละเขตจัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมโรคไข้เลือดออกและรายงานมายังผู้ว่าฯกทม. ภายในวันที่ 10 มิ.ย. นี้ อีกทั้งยังมอบหมายให้แต่ละเขตกำหนดแผนดำเนินการฉีดพ่นสารเคมีกำจัดยุงให้ครอบคลุมพื้นที่เขตแต่ละเขตภายใน 1 เดือน รวมทั้งให้รณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนร่วมกันทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายด้วย
สามารถคลิกดูภาพข่าวได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ