กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--เอสซีจี
เอสซีจีเดินหน้าลงทุนในภูมิภาคตามวิสัยทัศน์มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน เตรียมซื้อหุ้น PT Keramika Indonesia Asosiasi Tbk (KIA) 1 ใน 5 ผู้ผลิตเซรามิก รายใหญ่ของอินโดนีเซีย พร้อมธุรกิจจัดจำหน่ายของ PT Kokoh Inti Arebama Tbk (Kokoh) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่มีเครือข่ายทั่วประเทศอินโดนีเซีย มั่นใจอินโดนีเซีย มีศักยภาพเติบโตทางเศรษฐกิจสูง พร้อมเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำอาเซียน
เชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ — การเงินและการลงทุน เอสซีจี เปิดเผยว่า “เอสซีจีมุ่งมั่นผลักดันธุรกิจสู่การเติบโตในภูมิภาคตามวิสัยทัศน์สู่ผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียน ล่าสุดได้ขยายการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย โดย เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขกับบริษัท PT Keramika Indonesia Assosiasi (KIA) 1 ใน 5 ผู้ผลิตเซรามิกรายใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย ในสัดส่วนร้อยละ 94 ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตเซรามิกรวมของเอสซีจีเพิ่มขึ้นจากเดิม 122 ล้านตารางเมตร เป็น 149 ล้านตารางเมตร เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำด้านกำลังการผลิตระดับโลก และจะทำให้กำลังการผลิตเซรามิกของเอสซีจีในอินโดนีเซียเพิ่มจากเดิม 4 ล้านตารางเมตร เป็น 31 ล้านตารางเมตร ทั้งนี้ ในปี 2553 ความต้องการใช้เซรามิกในอินโดนีเซียเติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 10 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 185 ล้านตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะสามารถรักษาระดับการเติบโตอยู่ที่ประมาณร้อยละ 6 ต่อปี
นอกจากนี้ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น ยังได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขกับริษัท PT Kokoh Inti Arebama (Kokoh) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ที่มีเครือข่ายทั่วอินโดนีเซีย ในสัดส่วนร้อยละ 70 Kokoh นอกจากจะมีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศอินโดนีเซียแล้ว ยังมีแผนการดำเนินธุรกิจและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ทั้งยังมีพนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะส่วนเสริมสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายและศักยภาพการขยายตลาดของเอสซีจีในประเทศอินโดนีเซียได้เป็นอย่างดี” เชาวลิต กล่าว
“เอสซีจี มีความมั่นใจในศักยภาพของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง พร้อมเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำอาเซียน การขยายการลงทุนในครั้งนี้ เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อตอบแทนสิ่งที่ดี สร้างประโยชน์ให้ชุมชน และสร้างความเจิญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้กับอินโด นีเซียด้วย” เชาวลิต กล่าวเพิ่มเติม
ปัจจุบัน ธุรกิจของเอสซีจีในประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ โรงงานผลิตพีวีซี เรซิน และเมลามีน ในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โรงงานผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังเซรามิค กระเบื้องซิเมนต์ใยธรรมชาติ และแผ่นยิบซัม ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ ในธุรกิจซิเมนต์ และบริษัท SCG Trading ในธุรกิจจัดจำหน่าย
เกี่ยวกับ Keramika Indonesia Assosiasi (KIA)
PT Keramika Indonesia Assosiasi (KIA) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อย่อ KIAS มีสินทรัพย์รวม 4,220 ล้านบาท โดยในปี 2553 มียอดขายรวม 1,941 ล้านบาท ทั้งนี้ KIA เป็น 1 ใน 5 ผู้นำธุรกิจเซรามิกในประเทศอินโดนีเซีย มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 10 โดยมีโรงงานผลิตรวม 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่เกาะชวาตะวันตกใกล้กับจาการ์ตา 2 โรงงาน และเกาะชวาตะวันออกใกล้กับสุราบายาอีก 1 โรงงาน มีกำลังการผลิตกระเบื้องเซรามิก (สำหรับบุผนังและปูพื้น) รวมทั้งสิ้น 27 ล้านตารางเมตร และมีกำลังการผลิตกระเบื้องหลังคาเซรามิกและอุปกรณ์ รวมทั้งสิ้น 23 ล้านชิ้น
เกี่ยวกับ PT Kokoh Inti Arebama (Kokoh)
PT Kokoh Inti Arebama Tbk (หรือ Kokoh) เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อย่อ KOIN มีสินทรัพย์รวม 1,627 ล้านบาท โดยในปี 2553 มียอดขายรวม 2,203 ล้านบาท ทั้งนี้ Kokoh ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายโดยมีเครือข่ายร้านค้าอยู่ทั่วประเทศ โดยเน้นจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ กระเบื้องบุผนังและปูพื้นเซรามิก กระเบื้องหลังคาเซรามิก สินค้าสุขภัณฑ์ สีทาผนัง และยิปซั่มบอร์ด และมีสินทรัพย์ที่เกี่ยวกับระบบโลจิสติกส์