กรุงเทพฯ--6 พ.ค.--ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตอกย้ำภารกิจหลักช่วยเหลือคนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เตรียม วงเงิน 25,000 ล้านบาท นำร่องจัดทำ “โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก” ปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0% 2 ปีแรก วงเงินให้กู้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท ให้กู้ซื้อบ้าน ห้องชุด และอาคารพาณิชย์ เพื่อการอยู่อาศัย รวมถึงปลูกสร้างที่อยู่อาศัยแห่งแรก พิเศษสุด!!! รัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระค่าธรรมเนียม การโอนสูงสุด 1.00% และค่าจดจำนอง สามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2554 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เมษายน 2555 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่ ก.คลัง มีนโยบายต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ พร้อมที่จะเป็นกลไกหลักในการให้บริการสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำ ผ่าน “โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรก” อัตราดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก ปีที่ 3 — 5 คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR — 0.50% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) ส่วนลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ปีที่ 6 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR — 1.00% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) MRR — 0.50% ต่อปี (ลูกค้ารายย่อยทั่วไป) ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.75% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี พิเศษสุดสำหรับ ลูกค้าตามโครงการนี้ รัฐบาลช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งหรือจ่ายตามจริงสูงสุด 1.00% (จากค่าโอนปกติ 2.00% ของราคาประเมิน)
เงื่อนไขและหลักเกณฑ์การให้กู้สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งแรกเป็นของตนเอง จะต้องไม่เคยมีชื่อเป็น เจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน และไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือ ห้องชุด ให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยราคาที่อยู่อาศัยและวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร
“โครงการฯนี้ นับเป็นโครงการที่ดีที่สุดที่ ก.คลัง และ ธอส.มอบให้กับลูกค้าประชาชนถือเป็นโอกาสทองสำหรับลูกค้าที่กำลังตัดสินใจหาซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ เพราะลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเงื่อนไขดีที่สุดในรอบ 57 ปี ของการดำเนินงานธนาคาร จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง แต่ ธอส.ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อบ้าน ยังกล้าเสนอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% ให้กับลูกค้านานถึง 2 ปี ภายใต้ กรอบวงเงินไม่เกิน 25,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสประชาชนมีบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้กว่า 2 หมื่นครอบครัว รวมถึงยังลดภาระค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองอีกด้วย ทั้งนี้จะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยให้กับพี่น้องประชาชนได้” นายวรวิทย์ฯ กล่าว
นายวรวิทย์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารมีความพร้อมในการให้บริการลูกค้า โดยเบื้องต้นลูกค้าจะต้องแสดงหลักฐานการยื่นกู้ด้วยเอกสาร 5 อย่าง ได้แก่
1. สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ
2. สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า
3. เอกสารรายได้ อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้า หรือหลักฐานการเสียภาษี
4. สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร
5. สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร
ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใสลูกค้าที่ยื่นคำขอกู้และแสดงเอกสารครบก่อนก็จะได้รับสิทธิ์ก่อน จนกว่าวงเงินจะเต็มตามกรอบที่ธนาคารกำหนด สามารถยื่นคำขอกู้ได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อบ้านที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการสินเชื่อบ้านอย่างครบวงจร ได้เตรียมความพร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ และให้คำปรึกษาได้อย่างมืออาชีพ สะดวก และรวดเร็ว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร 0 — 2645 — 9000 หรือ www.ghbank.co.th
ในตอนท้ายนายวรวิทย์ฯ กล่าวถึงผลการดำเนินงานธนาคาร ไตรมาส 1/2554 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 เทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารผลกำไรสุทธิจำนวน 2,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น53.27% โดยธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสแรกไปแล้วจำนวน 995 ล้านบาท โดย 3 เดือนที่ผ่านมาธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ทั้งสิ้น 33,292 บัญชี เป็นเงิน 22,992 ล้านบาท จากเป้าสินเชื่อทั้งปี 99,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2554 เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2553 ธนาคารมียอดสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 685,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.91% ส่วนเงินฝากธนาคารมียอดเงินฝากรวม 546,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.07% ยอดสินเชื่อคงค้าง 662,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.57% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่ไม่รวมหนี้ส่วนขาด จำนวน 49,244 ล้านบาท คิดเป็น 7.63% ของยอด สินเชื่อรวม ซึ่งลดลงจำนวน 903 ล้านบาท หรือลดลง 1.80% ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะที่ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) คงเหลือจำนวน 5,615 ล้านบาท ลดลง 13.20% ไตรมาสแรกธนาคารสามารถจำหน่ายทรัพย์ NPA ได้ทั้งสิ้น 708 ล้านบาท อย่างไรก็ตามธนาคารยังคงดำเนินตามแผนงานในการจำหน่ายทรัพย์ NPA ให้ได้มากที่สุด โดยธนาคารจัดให้มีการประมูลขายทรัพย์มือสอง (NPA) ทุกปีๆละ 3 ครั้ง โดยวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 ธนาคารสามารถขายทรัพย์ NPA ได้สูงถึง 390 ล้านบาท นับว่าประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย