กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--มอนซานโต้
บีเอเอสเอฟกับมอนซานโต้ประกาศจะร่วมมือกันด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการค้าพืชเทคโนชีวภาพ ซึ่งจะเน้นพืชให้ผลผลิตสูง ทนแล้ง ความร่วมมือนี้มีผลทันที หลังสองบริษัทเซ็นต์สัญญาความร่วมมือกันเมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา
นายร็อบ ฟราเลย์ รองประธานบริษัท ด้านเทคโนโลยี บริษัท มอนซานโต้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เซ็นสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท บีเอเอสเอฟ จำกัด เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนารวมถึงการค้าพืชเทคโนโลยีชีวภาพ โดยตลอดระยะเวลาของความร่วมมือดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนกว่า 1,500 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ามูลค่า 60,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาสายพันธุ์พืชผลผลิตสูงทนแล้งหลายชนิด อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ฝ้าย และคาโนลา โดยความร่วมมือนี้ยังครอบคลุมถึงโครงการวิจัยที่มีอยู่แล้ว การค้นพบและผลการวิจัยพืชเทคโนชีวภาพของแต่ละบริษัท ซึ่งคาดว่า ผลิตภัณฑ์แรกภายใต้ความร่วมมือของทั้งสองบริษัทจะออกสู่ตลาดได้ภายใน 5 ปี ข้างหน้า
“เรามีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับบีเอเอสเอฟเพื่อขยายขีดความสามารถในการเจาะจงและนำพืชสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ให้คุณค่ากับเกษตรกรออกสู่ตลาด โดยการขยายขอบข่ายของพืชที่มีศักยภาพ แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และลดความเสี่ยง จะทำให้ความร่วมมือนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบเทคโนโลยีรุ่นถัดไปที่จะนำมาใช้ในแปลงเกษตรกร และเพิ่มคุณค่าของสินค้าเป็นสองเท่า หลังจากที่ได้มีการหักลดความเสี่ยงแล้ว” นายร็อบกล่าว
ด้านนายปีเตอร์ โอคเลย์ กรรมการบริหาร ด้านการเกษตร สุขภาพ และโภชนาการ ของบริษัท บีเอเอส เอฟ จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะนำพืชผลผลิตสูงมาแนะนำให้เกษตรกร ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการทั้งทางด้านอาหารและความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทยังได้ประกาศเดินหน้าความร่วมมือด้านการพัฒนาและการค้า ในเรื่องการควบคุมหนอน cyst nematode ที่เป็นศัตรูของถั่วเหลือง เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตของเกษตรกรด้วย
อนึ่ง บริษัท มอนซานโต้ เป็นบริษัทผู้นำด้านการเกษตร ที่นำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์พืชเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงคุณภาพอาหาร ส่วนบริษัท บีเอเอสเอฟ จำกัด เป็นบริษัทเคมีเกษตรยักษ์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัทลูกที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับพืชเทคโนชีวภาพ ชื่อว่า บริษัท บีเอเอสเอฟ แพลนท์ ไซน์ ในปี 2541 โดยมีสาขาดำเนินงาน ทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ