กรุงเทพฯ--9 พ.ค.--ท่าเรือประจวบ
บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ธุรกิจให้บริการท่าเรือพาณิชย์เอกชนที่มีความลึกที่สุดในประเทศไทย รุกเปิดสายธุรกิจใหม่ “บริการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ “ในเส้นทาง มาบตาพุด/กรุงเทพ-บางสะพาน-ระนอง-พม่า เสริมความแข็งแกร่ง มั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศ ตอกย้ำมาตรฐานงานบริการระดับสากล ที่มีศักยภาพและความสามารถในงานบริการที่ครอบคลุม รวมทั้งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า
นายชัยภัทร เขมาภิรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด หรือ PPCหนึ่งในกลุ่มเอสเอสไอ เปิดเผย กับ ทีมข่าวฅนเหล็กเอสเอสไอว่า บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด หรือ PPC ดำเนินธุรกิจให้บริการท่าเรือพาณิชย์เอกชนที่มีความลึกที่สุดในประเทศไทยโดยมีท่าเทียบเรือให้บริการจำนวน 4 ท่า สามารถรองรับเรือขนถ่ายสินค้าที่มีระวางขับน้ำสูงสุดถึง 100,000 DWT พร้อมกัน 2 ลำ ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมเหล็กในการขนถ่ายวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์เหล็ก ด้วยต้นทุนการขนส่งที่ต่ำและแข่งขันได้ ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ “ท่าเรือประจวบ” หรือ PPC. ได้เปิดให้บริการท่าเทียบเรือ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้บริการกับลูกค้าในกลุ่มบริษัทสหวิริยา เช่น บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี บมจ.เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย บจ.เหล็กแผ่นเคลือบไทย รวมถึงการรองรับการขนถ่ายวัตถุดิบจากจากโรงถลุงเหล็กสหวิริยาสตีล ทีไซด์ ประเทศอังกฤษ ในอนาคต ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากลูกค้าให้เป็นท่าเรือเอกชน ที่มีประสิทธิภาพในการให้บริการที่ดีเยี่ยมตลอดมา
นายชัยภัทรกล่าวว่าด้วยศักยภาพ และ ขีดความสามารถดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีแนวคิด เปิดสายธุรกิจใหม่ บริการขนถ่ายตู้คอนเทรนเนอร์ (แบบปิด) จาก FREIGHT OVERSEAS EXPRESS LTD. ในเส้นทาง (มาบตาพุด/กรุงเทพ - บางสะพาน - ระนอง - พม่า) โดยใช้ท่าเทียบเรือ D4 เป็นท่าที่ใช้ในการขนถ่าย เมื่อต้นเดือนเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เริ่มเปิดให้บริการ นำเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ขนาด 355 GRT. เข้าเทียบท่าเพื่อทำการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20-40 ฟุต โดย Spreader ซึ่งเป็นเครื่องมือยก สามารถรองรับเรือขนถ่ายตู้คอนเทรนเนอร์ประมาณเดือนละ8 ลำ (500 ตู้ ไป-กลับ)ทั้งนี้เพื่อขยายโอกาส ผลตอบแทนทางธุรกิจใหม่ เสริมความแข็งแกร่งเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ขณะเดียวกันยังเกิดประโยชน์ต่อชุมชน และ ประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในหลายมิติด้วยกัน
สำหรับประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับ คือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางน้ำ ตามนโยบายของภาครัฐ 2.ลดปัญหาของผู้ประกอบการที่จะต้องนำสินค้าไปรอที่สิงคโปร์ก่อนขนส่งต่อไปยัง พม่า ซึ่งเป็นประเทศเป้าหมาย 3.ลดปัญหาด้านการจราจร และ อุบัติเหตุจากการขนส่งทางบก 4.ประหยัดงบประมาณด้านการซ่อมแซมถนน จากการวิ่งของรถบรรทุก ในขณะที่ประโยชน์ต่อท้องถิ่น จังหวัดประจวบฯ ได้แก่1.ส่งเสริมและพัฒนาระบบการขนถ่ายสินค้าตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2.เพิ่มช่องทางการขนส่งสินค้า และ ลดต้นทุนการขนส่ง ให้กับผู้ประกอบการในจังหวัดประจวบฯรวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง และยังเกิดประโยชน์ต่อชุมชนในรูปของ 1.เกิดการสร้างงานให้กับชุมชน เช่น ต่อยอดสู่ กิจการรถขนส่งในชุมชนและคาดการณ์ว่าในอนาคตจะ เกิดการจ้างแรงงานในการบรรจุสินค้าในตู้คอนเทรนเนอร์ อย่างน้อย50-60อัตรา ส่งผลต่อ 2.เกิดการกระจายรายได้ของคนในชุมชน 3.เป็นช่องทางและโอกาสในการส่งสินค้าของผู้ประกอบการในชุมชนไปยังภูมิภาคอื่น 4.ช่วยสนับสนุนและผลักดันโครงการถนนเลี่ยงเมืองของจังหวัด
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้บริการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งบรรจุผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยคอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต จำนวน 59 ตู้ ขนส่งโดยโดยเรือ NP BANGKOK จากท่าเรือกรุงเทพ ไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือประจวบอำเภอบางสะพาน แล้วขนถ่ายขึ้นรถเทลเลอร์เพื่อนำคอนเทนเนอร์ไปส่งที่ท่าเรือระนอง ส่วนเที่ยวที่สองขนถ่ายในวันที่ 18 เมษายน ประกอบด้วยคอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุต 39 ตู้ ขนาด 40 ฟุต 10 ตู้ ขนส่งโดยเรือ NP BANGKOK เช่นเดียวกัน ซึ่งการดำเนินการเป็นไปโดยราบรื่น อย่างไรก็ตามบริษัทฯจะได้มีการประเมินผลการดำเนินงานเพื่อพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ ในรูปแบบใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพ ความพร้อมด้านต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการต่อยอดการพัฒนา อีกทั้งเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ต่อชุมชนท้องถิ่น บางสะพาน ที่จะได้เติบโตควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ ร่วมกันอย่างยั่งยืน นายชัยภัทรกล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 026300323 ทีมประชาสัมพันธ์