กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ธ.นครหลวงไทย
ธนาคารนครหลวงไทยชูจุดเด่นบริการตั๋วแลกเงินที่คล่องตัวสูงและใช้ค้ำประกันสินเชื่อได้ ขยายฐานเงินฝากอีก 1 หมื่นล้านบาท รองรับการแข่งขันการหาเงินฝากในระบบ พร้อมพ่วงบริการเก็บรักษาหลักทรัพย์หรือคัสโตเดียนแก่ผู้ถือตั๋ว เพื่อการบริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้า
นางทัศนา รัชตโพธิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าที่จะระดมเงินฝากผ่านบริการ “สคิบ บี/อี” (SCIB B/E) หรือบริการตั๋วแลกเงินเพื่อกู้ยืมจากประชาชน (Bills Of Exchange : B/E) ทั้งประเภทเปลี่ยนมือผู้ถือตั๋วแลกเงินและไม่สามารถเปลี่ยนมือประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเงินฝากขนาดกลางและขนาดใหญ่ ตลอดจนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ระดับหนึ่งในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งปัจจุบันธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยตั๋วแลกเงินสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณ 0.25-0.50% ต่อปี โดยขึ้นอยู่กับแต่ละวงเงิน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินในการบริหารสภาพคล่องของภาคธุรกิจ ตลอดจนใช้สำหรับการค้ำประกันสินเชื่อได้อีกด้วย ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการระดมเงินฝากผ่านบริการใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้การบริหารต้นทุนทางการเงินของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดให้บริการดูแลและเก็บรักษาตั๋วแลกเงิน (Custodian) เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าภายใต้มาตรฐานเดียวกับการดูแลและเก็บรักษาหลักทรัพย์ของกองทุนวายุภักษ์ที่ปัจจุบันธนาคารเป็นผู้ให้บริการอยู่ โดยตั๋วแลกเงินมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท คิดค่าธรรมเนียมฉบับละ 500 บาท ส่วนตั๋วแลกเงินมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดค่าธรรมเนียมฉบับละ 1,000 บาท และในอนาคตธนาคารยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบให้ผู้ถือตั๋วแลกเงินสามารถขึ้นเงินผ่านสาขาทุกแห่งของธนาคารทั่วประเทศได้อีกด้วย
“สำหรับแนวทางการลงทุนสำหรับผู้ฝากเงินมองว่า หากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับลดลงจริงผู้ฝากก็น่าจะปรับระยะเวลาการฝากให้เป็นระยะยาวขึ้น หากดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงที่หรือเพิ่มขึ้นก็น่าจะฝากระยะสั้น แต่การตัดสินใจจะฝากสั้นหรือยาวนั้นผู้ฝากต้องรอตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมาในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสต่อไปว่าจะเป็นไปในทิศทางใด” นางทัศนา กล่าว
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยตั๋วแลกเงินระยะเวลา 7 วัน เท่ากับ 3.50% ต่อปี ระยะเวลา 14 วัน เท่ากับ 3.75% ต่อปี ระยะเวลา 30 วัน เท่ากับ 4.00% ต่อปี ระยะเวลา 3 เดือน เท่ากับ 4.00-4.50%ต่อปี ระยะเวลา 6 และ 12 เดือน เท่ากับ 4.25-4.50% ต่อปี