กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--ธนาคารเอชเอสบีซี
กลุ่มเอชเอสบีซี ประกาศผลกำไรก่อนหักภาษี มูลค่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนผลกำไรหลังหักภาษีเพิ่มขึ้น 52% คิดเป็นมูลค่า 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 1 ของปี 2554
มร.สจ๊วต กัลลิเวอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเอชเอสบีซี กล่าวว่า “ผลกำไรก่อนหักภาษีใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เราสามารถสร้างผลกำไรได้ในทุกภูมิภาค และทุกกลุ่มลูกค้า โดยแต่ละภูมิภาคที่เติบโตเร็วมีผลกำไรเพิ่มขึ้น และสินเชื่อมีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้งยังเติบโตรายได้เป็นสองหลักในหลายธุรกิจในภูมิภาคที่เติบโตเร็ว เรายังคงมุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นในอเมริกาเหนือ โดยการปล่อยสินเชื่อในเอเชีย และละตินอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัวมากขึ้น ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ธนาคารฯ ในสองภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม เรามีรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจสินเชื่อรายใหญ่ ธุรกิจบริหารเงินและตลาดทุน รวมทั้งในอเมริกาที่เราปิดธุรกิจสินเชื่อบุคคล และลดการดำเนินธุรกิจบัตรเครดิต สำหรับการตั้งสำรองหนี้สูญนั้นลดลงอย่างมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มมีเสถียรภาพ และเราสามารถบริหารพอร์ตได้ดี และเร่งรัดติดตามหนี้สินได้ดีขึ้น”
มร.สจ๊วต กล่าวว่า “เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ผ่านมา และแม้ว่าการเติบโตของตลาดเกิดใหม่จะคลายความร้อนแรงลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าในปีนี้ตลาดเกิดใหม่จะยังคงเติบโตได้ดีกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้น ราคาน้ำมันและราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเป็นไปได้ช้าลง ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่ก็ประสบกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นซึ่งกำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าอาจจะชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมาก็ตาม”
สำหรับผลการดำเนินงานของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก (ยกเว้นฮ่องกง) พบว่า การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวจากปี 2553 และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในตลาดสำคัญหลายแห่ง ส่วนภัยพิบัติในญี่ปุ่นน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงจำกัดในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการดำเนินนโยบายทางการเงินของจีนส่งผลให้การเติบโตของสินเชื่อลดลง ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในแถบเอเชียส่วนใหญ่ยังคงเติบโตได้ยอดเยี่ยม โดยมีผลกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้น 25% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเติบโตของสินเชื่อตลอดทั้งปี 2553 และในช่วงแรกของปี 2554 รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทในเครือของเราในประเทศจีนด้วย ส่วนรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 18% เป็นผลมาจากสินทรัพย์และเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัวมากขึ้น และรายได้จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งที่สูงขึ้น เรายังคงเติบโตสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มของลูกค้าในไตรมาสนี้ โดยเพิ่มขึ้นราว 5% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น 17% เทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการลงทุนด้านบุคลากรและด้านการตลาด เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2553 พบว่าต้นทุนการดำเนินงานลดลง 2%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ วรนันท์ สุทธปรีดา, สาวิตรี หมวดเมือง โทรศัพท์ 0-2614-4609, 0-2614-4606