อีซูซุล่องใต้เยือนมาเลเซีย ในคาราวานสัญจรอีซูซุ เส้นทางที่ 2

ข่าวยานยนต์ Thursday May 12, 2011 10:39 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ อีซูซุนำสมาชิกประชาคมอีซูซุร่วมเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ ระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตรสู่ประเทศมาเลเซีย ใน “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2554” เส้นทางที่ 2 เส้นทางระหว่างประเทศ ไทย-มาเลเซีย คุณปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “คาราวานอีซูซุจากประเทศไทยสู่ประเทศมาเลเซีย เป็นเส้นทางที่ 2 ของ “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2554” ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวทางรถยนต์ที่มีระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตรสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เพียงช่วยเปิดวิสัยทัศน์ในการเดินทางใหม่ๆ แต่ยังเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย เพราะเราได้รับการสนับสนุนจากทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและการท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยมีสมาชิกประชาคมอีซูซุร่วมเดินทางจำนวนมากเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางสำคัญๆ ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันงดงามของมาเลเซียไว้มากมาย อาทิ เมืองอลอร์สตาร์, ปีนัง, มะละกา, และสิ้นสุดที่เก็นติ้ง ไฮแลนด์ พร้อมทั้งโรงแรมที่พักและอาหารที่ดีที่สุดที่อีซูซุเลือกสรรเพื่อให้สมาชิกได้รับความสุขและความทรงจำที่คุ้มค่าที่สุด” พิธีการปล่อยขบวนคาราวานเริ่มต้นขึ้น โดยได้รับเกียรติจากคุณสุทธิพงษ์ เทิดรัตนพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ สนามหน้าเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกทั้งยังเป็นตัวแทนรับมอบเงินบริจาคและเครื่องอุปโภคบริโภคที่ทางอีซูซุและผู้ร่วมคาราวานร่วมสมทบทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนสู่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 41 เพื่อทำการผ่านแดนจากไทยสู่มาเลเซีย โดยมีคุณพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ เป็นผู้อำนวยการจัดคาราวาน ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขั้นตอนการผ่านแดนก็เสร็จสมบูรณ์ ขบวนคาราวานอีซูซุจึงออกเดินทางเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย โดยแวะรับประทานอาหารกลางวันมื้อแรกที่เมืองจังโหลน (หรือชื่อเดิมคือเมืองช้างหลน แต่พูดกันผิดเพี้ยนจนเป็นเมืองจังโหลนในปัจจุบัน) ก่อนออกเดินทางสู่จุดหมายแรกคือเมืองอลอร์สตาร์ ที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์หลวงเคดาห์” ซึ่งในอดีตเคยเป็นพระราชวังและปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องใช้ของสมาชิกราชวงศ์เคดาห์ รวมถึงจัดแสดงที่ประทับอันงดงามของรัชกาลที่ 5 ที่สุลต่านจัดสร้างถวายในสมัยที่ออกว่าราชการในเมืองอลอร์สตาร์ จากนั้นจึงเข้านมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ภายใน “วัดไทยนิโครธาราม” ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่ทวดแห่งวัดช้างให้ เป็นผู้สร้างและท่านมรณภาพที่วัดแห่งนี้ ซึ่งในปัจจุบันยังมีคนไทยในมาเลเซียรวมทั้งคนเชื้อชาติต่างๆ เข้ามาร่ำเรียนหนังสือไทยในทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ในวัดแห่งนี้อีกด้วย จากนั้นขบวนคาราวานจึงออกเดินทางอีกครั้งสู่จุดหมายต่อไป โดยใช้เส้นทางไฮเวย์จากเมืองบัตเตอร์เวิร์ธข้ามสะพานซึ่งมีความยาวถึง 13.5 กิโลเมตรสู่เมืองปีนัง นับเป็นสะพานที่มีความยาวเป็นอันดับ 3 ของโลก ปัจจุบันปีนังกำลังก่อสร้างสะพานปีนัง 2 ความยาว 26 กิโลเมตร ซึ่งจะเป็นการไต่อันดับคว้าตำแหน่งสะพานที่ยาวที่สุดในโลกในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า สะพานนี้ทำให้ขบวนคาราวานมาถึงเมืองปีนังได้อย่างรวดเร็ว มองเห็นต้นประดู่อายุกว่า 100 ปียืนต้นโดดเด่นต้อนรับขบวนคาราวานเข้าสู่ “โรงแรม G Hotel” ที่พักสุดหรูริมหาด ให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปิดท้ายวันแรกในมาเลเซียด้วยมื้อค่ำกับอาหารทะเลในแบบปีนังที่ “Oriental Seafood Restaurant” วันที่สองในมาเลเซีย อีซูซุนำชม “วัดเขาเต่า” วัดที่มีเต่ามาอาศัยอยู่จำนวนมาก บางตัวมีขนาดใหญ่จนประเมินอายุไม่ได้ พร้อมนำสมาชิกเข้านมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิมอันศักดิ์สิทธิ์และเจดีย์หมื่นพระ อันเป็นพุทธศิลป์ซึ่งรวมความงดงามของศิลปะจากสามประเทศ ได้แก่ ไทย จีน และพม่า เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หลังจากขอพรกันเป็นที่เรียบร้อย ขบวนคาราวานอีซูซุออกเดินทางโดยยังคงใช้เส้นทางไฮเวย์ที่มีบัตร Touch & Go เป็นอาวุธสำคัญในการผ่านด่านทางด่วนแต่ละด่านบนไฮเวย์ได้อย่างรวดเร็วมุ่งตรงสู่ “เมืองอีโป้” เพื่อแวะรับประทานอาหารกลางวันแบบกึ่งไทย-จีนที่ “Kok Thai Restaurant” มีอาหารแปลกตาให้ได้ลิ้มลอง ก่อนที่จะต้องลุยฝนเบาๆ เดินทางกันต่อ ผ่านทางโค้งและขึ้นเขาเป็นระยะ สมาชิกในขบวนต่างรู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนานกับการขับในแบบคาราวานท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวประเทศมาเลเซียในการนำขบวน ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น และมาถึงเมืองมะละกาอย่างปลอดภัยทุกคัน โดยอีซูซุเลือกโรงแรม “Equatorial Hotel” ใจกลางย่านธุรกิจล้อมรอบด้วยห้างร้านสุดหรูให้สมาชิกขบวนคาราวานเข้าพัก โดยมี มร.เคียวยะ คนโด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด และ มร.ทาคาชิ ฮาตะ ประธาน บริษัท อีซูซุมาเลเซีย จำกัด พร้อมคณะ ให้การต้อนรับและร่วมงานเลี้ยงรับรองภาคค่ำ พร้อมชมการแสดงที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวมาเลย์ในยุคต่างๆ อย่างสนุกสนาน สำหรับวันที่สาม เริ่มการท่องเที่ยวด้วยการเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมอันสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของเมืองมะละกาด้วยรถสามล้อที่มีการตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้สีสวยสดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ หลังจากถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน ขบวนรถสามล้อก็วิ่งมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ “A’Famosa” ป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยนายพลเรือปอร์ตุเกสในปี ค.ศ.1511 มีกำแพงหนาถึง 3 เมตร และมีหอคอยตรวจการณ์สูง 40 เมตร แต่ถูกทำลายเกือบทั้งหมดเหลือเพียงประตูป้อม Porta de Santiago และซากส่วนเล็กๆ บนป้อมปราการให้สมาชิกได้สัมผัสและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนที่จะรวมพละกำลังเดินขึ้นไปบนเนินเขา ซึ่งสามารถมองลงมาเห็นเมืองมะละกาโดยรอบ อีกทั้งเมื่อข้ามจากเนินเขาไปอีกฟากจะได้พบโบสถ์ “St. Paul” โบสถ์โบราณที่สร้างขึ้นโดยกัปตันดูอาร์เต้ โคเอลโฮ (Duate Coelho) ชาวปอร์ตุเกสในปี ค.ศ.1521 ต่อมาชาวดัทช์เข้าปกครองได้เปลี่ยนชื่อเป็น St. Paul และใช้โบสถ์แห่งนี้ประกอบศาสนกิจนานถึง 112 ปี ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นของนักบุญ St. Francis Xavier นักบวชชาวสเปน ผู้ได้ขนานนามว่า “ผู้เผยแพร่ศาสนาคริสถ์แห่งโลกตะวันออก” ตั้งอยู่ด้วย จากนั้นจึงนั่งรถสามล้อสุดสวยไปชมบริเวณจัตุรัสดัทช์ (Dutch Square) ที่ตั้งของ “อาคารสตัดธิวส์” (The Stadthuys) อาคารสไตล์ดัทช์ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ด้วยทักษะงานไม้โบราณที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวรรณคดี นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ “โบสถ์คริสต์เมืองมะละกา” (Christ Church) โบสถ์สีแดงสไตล์ดัทช์ประยุกต์ สร้างจากอิฐสีชมพูที่นำมาจากประเทศฮอลแลนด์และเชื่อมด้วยปูนสีแดง มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ คานเพดานทำจากไม้ชิ้นเดียวไม่มีข้อต่อ, คัมภีร์ไบเบิ้ลทองเหลีอง และภาพวาด “The Last Supper” บนกระเบื้องเคลือบเงาเหนือแท่นบูชา อีกทั้งยังมีหอระฆัง และเครื่องบอกทิศทางลมรูปไก่แจ้บนยอดหลังคาที่สร้างในสมัยที่ชาวอังกฤษเข้ามาบูรณะโบสถ์อีกด้วย จากนั้นขบวนคาราวานจึงไปเติมพลังกันที่ร้าน “Famosa Chicken Rice Ball” ร้านเก่าแก่ในบริเวณไชน่าทาวน์ ด้วย “ข้าวมันไก่” สไตล์มะละกา ซึ่งมีลักษณะของข้าวมันที่นำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ทานกับไก่ต้มหรือไก่อบ จิ้มกับพริกน้ำส้มผสมซีอิ้วดำ ตบท้ายด้วย Rak Sa น้ำแข็งใสใส่ลอดช่อง ถั่วแดงหลวง ราดน้ำกะทิเข้มข้น อร่อยชื่นใจดีจริงๆ จากนั้นขบวนคาราวานก็ร่ำลารถสามล้อมาขับอีซูซุพาหนะคู่ใจกันต่อ ออกเดินทางจากเมืองมะละกาผ่านแยกเมืองกัวลาลัมเปอร์ สู่เก็นติ้ง ไฮแลนด์ ขบวนรถอีซูซุทุกคันต้องทำเวลาก่อนที่ฝนจะตกหนัก และยังต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเส้นทางขึ้นเขา และทางโค้งหักศอกตลอดเส้นทาง แถมมีฝนตกเป็นระยะๆ ด้วยสมรรถนะอันยอดเยี่ยมของรถอีซูซุ รถทุกคันจึงถึงจุดหมายที่ “โรงแรม First World” บนเก็นติ้ง ไฮแลนด์อย่างปลอดภัย “เก็นติ้ง ไฮแลนด์” ตั้งอยู่ระหว่างรัฐปาหังและรัฐเซอลังงอร์ มีนายลิ้ม โกตอง (Lim Gohtong) ผู้ได้รับสัมปทานเป็นผู้สร้าง เก็นติ้ง ไฮแลนด์ เป็นแหล่งความบันเทิงระดับโลกที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นศูนย์รวมของความสนุกสนานหลากหลายรูปแบบสำหรับทุกคนในครอบครัว พร้อมสรรพทั้งสวนสนุกที่มีเครื่องเล่นในร่มและบริการสวนสนุกกลางแจ้งที่มีเครื่องเล่นท้าทายความกล้า รวมทั้งบ่อนคาสิโนครบวงจรขนาดย่อมภายในโรงแรมให้สมาชิกได้เสี่ยงโชค และแหล่งรวมพลาซ่าที่มีสินค้ามากมายหลากหลายแบรนด์ชั้นนำให้สมาชิกได้ละลายริงกิตอย่างหนำใจ รุ่งเช้าถึงเวลาที่ขบวนคาราวานอีซูซุต้องร่ำลาประเทศมาเลเซีย กลับสู่ด่านสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อแยกย้ายกันเดินทางกลับภูมิลำเนาของแต่ละครอบครัว เก็บบันทึกการเดินทางทุกบรรทัดจากจังหวัดนครศรีธรรมราช-มาเลเซีย-สงขลา รวมระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ไว้เป็นความทรงจำที่แสนประทับใจ กิจกรรม “อีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร ประจำปี 2554” บทพิสูจน์ของกิจกรรมที่หล่อหลอมรวมประชาคมอีซูซุให้แข็งแกร่ง ตามนโยบายวิถีอีซูซุ นั่นคือ “ผู้ใช้สุขใจ เพิ่มพูนรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา” ติดตามความสนุกสนานอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางจังหวัดอุดรธานี — เลย วันที่ 28 — 29 พฤษภาคม และเส้นทางสุดท้ายจังหวัดลำปาง — สุโขทัย วันที่ 18 — 19 มิถุนายน ศกนี้ นานาทัศนะจากสมาชิกผู้ร่วมขบวนอีซูซุคาราวานสัญจร เส้นทางไทย-มาเลเซีย 3 หนุ่มจากตระกูลพัชรพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า “มาร่วมคาราวานอีซูซุเส้นทางระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก ทุกอย่างดีมาก เหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็สนุกมากครับ ขับสนุกตลอดทาง แถมประหยัดสุดยอดเลยครับ” คุณเผชิญ ทองขุนดำ และภรรยา กล่าวว่า “ผมยอมจ่ายเงินเกือบ 4 แสนบาทปิดบัญชีไฟแนนซ์ เพื่อที่จะได้มากับคาราวานอีซูซุ มาแล้วผมกับแฟนมีความสุขมาก รถอีซูซุไฮแลนเดอร์ ของผม เป็นรถที่ดีมาก ขับสนุก และรู้สึกปลอดภัยมากครับ” คุณอร่าม มะลิต้น พาคุณแม่อุไรรัตน์จากจังหวัดตราดมาไกลถึงประเทศมาเลเซีย บอกว่า “คุณแม่เป็นคนชอบเที่ยว ผมอยากพาแม่ไปเที่ยวทุกที่เลย ผมมั่นใจในอีซูซุ มิว-เซเว่น คุณแม่บอกว่านั่งสบาย ไม่เมื่อยเลย สนุกมาก ได้มาเห็นเมืองสวย ๆ ของมาเลเซีย ชอบมากๆครับ” คุณประมวลและคุณดารณี วงศ์อุ่น บอกว่า “ชอบคาราวานทุกอย่างเลย ชอบทั้งเส้นทาง ชอบที่เที่ยว ชอบบริการของทีมงาน สุดยอดทุกอย่างเลยค่ะ” คุณวิทยา เวทย์กิตติพฤกษ์ พร้อมภรรยาและลูกชาย บอกว่า “ผมขับมาไกลจากสกลนคร รวมแล้วก็กว่า 3,000 กิโลเมตรนะครับ ผมชอบและดีใจที่ได้พาลูกเมียมาถึงเก็นติ้งไฮแลนด์ ถ้ามาเครื่องบินก็ไม่สนุกหรอก มากับรถอีซูซุสนุกกว่าเพราะได้เห็นมาเลเซียตลอดเส้นทาง ช้อปปิ้งมากแค่ไหน ก็ขนกลับได้สบาย” คุณสุชาติ วรรณวิท กับเพื่อนร่วมก๊วนหัวใจอีซูซุ บอกว่า “ดีใจที่ได้ขับรถอีซูซุมาถึงมาเลเซีย ชอบบรรยากาศของมาเลเซียมากครับ” ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัดโทร. 02-9662127-9

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ