กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--วี-คูล คอร์ปอเรชั่น
- เปิดตัว “ไอคิว” เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งให้แก่เจ้าของอาคารและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการรับมือกับภาวะโลกร้อน
- เชื่อมั่นคุณภาพวี-คูล จะได้รับการตอบรับจากตลาด
บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงวี-คูลในประเทศไทย รุกเปิดตัวฟิล์มกรองแสงอาคารสำนักงานภายใต้แบรนด์ ไอคิว เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับเจ้าของอาคารและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการรับมือกับภาวะโลกร้อน
นายกนต์ธร จตุภัทรพนิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล็งเห็นว่าความตื่นตัวในเรื่องภาวะโลกร้อนในขณะนี้ ทำให้บริษัทฯ ตระหนักถึงความต้องการของตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารสำนักงานและอาคารที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เพราะรสนิยมของคนไทยยังคงนิยมความโปร่งสว่างที่ได้จากอาคารกระจก จึงทำให้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสูงและเป็นที่ยอมรับในตลาด มีโอกาสที่จะพัฒนาตลาดในประเทศไทยสูง
“หลายคนเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ วี-คูลของเรานั้น มีเฉพาะสำหรับรถยนต์ แต่ความจริงแล้ว เรามีสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารนั้นเรามีสินค้าภายใต้แบรนด์ไอคิว ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างสูงจากเจ้าของอาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่ามีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนได้มากถึง 98% เช่น อาคารศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ได้เลือกใช้ฟิล์มกรองแสงไอคิวเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับอาคารประหยัดพลังงาน” นายกนต์ธรกล่าว
บริษัท วี-คูล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2553 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเพื่อดูแลตลาดฟิล์มกรองแสงวี-คูลในเขตภาคเหนือ ภาคใต้และกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพมหานคร ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยการนำของนายกนต์ธร วี-คูลได้จัดตั้งฝ่ายผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารขึ้นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยทั้งยังให้บริการกลุ่มลูกค้าอาคารสำนักงาน และอาคารอเนกประสงค์ต่างๆ อีกด้วย
นายกนต์ธรกล่าวว่านอกจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำในด้านผลิตภัณฑ์และให้บริการแก่ลูกค้าแล้ว บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่จะเปิดตัว ไอคิวในงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง โดยในปีนี้ คาดว่าจะเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 3 งาน
“ผมอยากจะเน้นว่าจุดแข็งของไอคิวนั้นคือความใส แต่สามารถกรองไม่ให้ความร้อน (Infrared Radiation) ผ่านเข้าตัวอาคารได้สูงถึง 98% ทำให้ทัศนะวิสัยในการมองทั้งจากตัวอาคารออกมานอกอาคารหรือจากนอกอาคารเข้าไปยังตัวอาคารยังคงความเป็นธรรมชาติ ไม่มืดทึบหรือเกิดเงาสะท้อนตามความหักเหของแสง” นายกนต์ธรกล่าว
ในด้านการแข่งขันในตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารในปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้นำเข้ามาจำหน่ายทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 30 ยี่ห้อ โดยวี-คูลมีความได้เปรียบจากความสำเร็จในตลาดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันฟิล์มกรองแสงรถยนต์ของวี-คูลได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกเช่นเมอร์ซีเดส เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู วอลโว่ เชฟโรเล็ต โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า เป็นต้น
“จากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้เรามีความเชื่อมั่นว่าฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคาร ไอคิวจะเป็นที่ยอมรับจากตลาด ทั้งนี้เพราะเจ้าของอาคารและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่จะใช้สำหรับอาคารที่มีมูลค่าสูงอย่างรอบคอบ โดยที่มูลค่าของฟิล์มกรองแสงเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าโครงการแล้ว คิดเป็นเพียง 1-2% ของมูลค่าทั้งหมดของโครงการ เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ผู้อยู่อาศัยจะได้รับแล้ว ทำให้ฟิล์มกรองแสงที่จะใช้สำหรับอาคารนั้น จะต้องมีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งจะเป็นจุดขายที่ดีของโครงการอีกด้วย” นายกนต์ธรกล่าว