กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--Media Associated
งานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 11 MONEY EXPO 2011 ฉลองขึ้นทศวรรษใหม่ ยอดธุรกรรมในงานทะลุเป้า 1.2 แสนล้านบาท มีผู้เข้าชมงานกว่า 800,000 คน สินเชื่อบ้านแรงสุด 7.9 หมื่นล้านบาท สินเชื่อ SMEs ครองที่สอง 2.3 หมื่นล้านบาท เงินฝากพุ่ง 1 หมื่นล้าน สินเชื่อบุคคลอันดับสี่กว่า 1,000 ล้านบาท ตามติดด้วยยอดซื้อกองทุนรวม 1,000 ล้านบาท
นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน เปิดเผยว่า งานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 11 MONEY EXPO 2011 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 พฤษภาคม 2554 ณ ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมงานกว่า 800,000 คน และมีธุรกรรมภายในงานยอดเงินรวมกว่า 119,206.14 ล้านบาท จากผู้สมัครใช้บริการทางการเงินของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานทั้งธนาคาร, บริษัทการเงิน, บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนรวม บริษัทผู้ค้าทองคำ/โกลด์ฟิวเจอร์ส และบริษัทประกันชีวิต/ประกันภัย/ประกันสุขภาพ รวมกว่า 114,623 ราย
บริการทางการเงินที่ผู้เข้าชมงานสมัครใช้บริการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ สินเชื่อบ้านรวมมูลค่า 78,993.85 ล้านบาท คิดเป็น 66.27% ของปริมาณธุรกรรมรวม อันดับสองคือ สินเชื่อ SMEs มูลค่า 23,032.57 ล้านบาท คิดเป็น 19.32%
“แคมเปญโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านเป็นปัจจัยหลักที่ดึงดูดให้ประชาชนเข้ามาเลือกใช้บริการภายในงาน เพราะธนาคารและสถาบันการเงินแข่งขันกันอย่างดุเดือด เริ่มตั้งแต่ แคมเปญดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์นำมาให้บริการในงานด้วย ธนาคารอื่นก็งัดโปรโมชั่นออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด เช่น ธนาคารธนชาตได้คิดโปรโมชั่นใหม่สดๆในงาน เพื่อแข่งกับธอส.โดยตรง ด้วยแคมเปญดอกเบี้ยต่ำสุด 0.5% ต่อปี นาน 1 ปี หากทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินกู้ และทำสัญญาภายใน 7 วัน โดยให้วงเงินกู้สูงถึง 95% สำหรับบ้านหลังแรก”
ธนาคารกรุงเทพซึ่งมีโปรโมชั่นสินเชื่อบ้าน 0.9% นาน 6 เดือน ก็มีการขยายระยะเวลาออกไปเป็น 9 เดือน ส่วนแคมเปญ 0% นาน 6 เดือน ของธนาคารกสิกรไทย ก็ขยายระยะเวลาเป็น 9 เดือนเช่นกัน ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งให้ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน แต่ไม่คิดค่าประเมินหลักประกันและค่าธรรมเนียมการทำสัญญาเงินกู้ นอกจากจะแข่งขันกันในเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้ว แคมเปญสินเชื่อบ้านของทุกธนาคารยังแข่งขันกันให้วงเงินกู้สูงถึง 90%
นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกันนำเสนอเงื่อนไขพิเศษสำหรับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านด้วย โดย ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เพิ่มแคมเปญสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านในวันสุดท้ายของงาน ซึ่งให้ดอกเบี้ย 0% นาน 9 เดือน ส่วนธนาคารทหารไทยเสนอดอกเบี้ย 0% ตลอดปีแรก บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยก็ลงแข่งขันสินเชื่อบ้านเช่นกัน ด้วยแคมเปญดอกเบี้ย 5.55% ต่อปี ระยะเวลา 5 ปี
ส่วนการซื้อทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ทั้งบ้านและที่ดิน สามารถจำหน่ายได้ทั้งสิ้นกว่า 411.18 ล้านบาท
นายสันติกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านการออมการลงทุนก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมาก โดยธนาคารและสถาบันการเงินได้เสนอโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยสูงพิเศษ เช่น เงินฝากเกษียณสุข ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเษตร(ธ.กส.)ให้ดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดโดยเริ่มต้นที่ 3.25 % สูงสุด 8% เฉลี่ยเท่ากับ 4.25% ต่อปี สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป มีผู้สูงอายุมารอรับบัตรคิวเป็นแถวยาวเหยียดตั้งแต่เวลา 8.30 น. ก่อนเปิดงาน ส่งผลให้ ธ.ก.ส.ต้องขยายวงเงินฝากที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาทเป็น 2,500 ล้านบาท
ส่วน ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ก็ได้ออกโปรโมชั่นเงินฝาก 6 เดือนอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าคิวเปิดบัญชีเงินฝากกันอย่างล้นหลาม จนต้องขยายเพดานเงินฝากจาก 4,000 ล้านบาท เป็น 7,000 ล้านบาท เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าที่มาเปิดบัญชีเงินฝากในงาน
ส่วนแคมเปญเงินฝากของธนาคารอื่นๆที่น่าสนใจก็มี ธนาคารเกียรตินาคิน มีแคมเปญเงินฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ย 2.25% ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย มีเงินฝากออมทรัพย์ปลอดภาษีดอกเบี้ยสูง 4% ต่อปี ระยะเวลาฝาก 24 เดือน ก็สามารถดึงดูดให้มีผู้เปิดบัญชีเงินฝากจนแน่นขนัดบูธตลอดทั้ง 4 วัน
สรุปยอดฝากเงินรวม 4 วัน เป็นจำนวนเงิน 11,976.06 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับสาม คิดเป็น 10.95% ของปริมาณธุรกรรมรวม
นอกจากนี้สินเชื่อประเภทอื่นๆก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต มีผู้สมัครขอมีบัตรกว่า 19,900 ราย รวมวงเงินสินเชื่อ 692.75 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลมีผู้สมัครใช้บริการ 11,189 ราย รวมวงเงินสินเชื่อ 1,132.37 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์/มอเตอร์ไซค์และสินเชื่อที่ใช้รถยนต์/มอเตอร์ไซค์ค้ำประกัน มีผู้สมัครใช้บริการ 1,189 ราย รวมวงเงินสินเชื่อ 336.51 ล้านบาท
ทางด้านการลงทุนในกองทุนรวมมีมูลค่ารวม 1,003.75 ล้านบาท ยอดซื้อพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลจำนวนเงินกว่า 491.14 ล้านบาท และการซื้อประกันชีวิตคิดเป็นมูลค่าทุนประกันถึง 623.12 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันทั้งสิ้น 217.78 ล้านบาท
ผู้เข้าร่วมงานยังสนใจเปิดบัญชีเพื่อการซื้อขายหุ้น ซื้อขายอนุพันธ์ ซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส และบัญชีซื้อขายทองรวม กว่า 6,224 ราย รวมทั้งมีผู้นำเงินสดมาซื้อทองคำแท่งและทองรูปพรรณในงานรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
ส่วนการสัมมนาและกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนตลอด 4 วันนั้น ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและประชาชนมากกว่าทุกปี โดยเฉพาะหัวข้อสัมมนาที่เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำและหุ้น ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนล้นห้องสัมมนา ด้านการขอปรึกษาเรื่องการวางแผนการเงิน/การลงทุน/วางแผนธุรกิจ และการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ก็มีประชาชนให้ความสนใจอย่างมากเช่นเดียวกัน
“งานมหกรรมการเงินครั้งที่ 11 จึงถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นที่พึงพอใจของประชาชนที่มาในงานและสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงาน และการเปลี่ยนสถานที่จัดงานใหม่เป็น ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ยังได้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ไม่เคยมางานมาก่อนเพิ่มขึ้นอีกกว่า 50% ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังเงินสูงอีกด้วย ทำให้ผู้เข้าชมงานมีหลากหลายกลุ่มมากขึ้น” นายสันติกล่าว