กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์
บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2554 สรุปได้ดังนี้
กำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2554
ในไตรมาส 1 ปี 2554 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 33 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ลดลงในไตรมาส 1 ปี 2554 มาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีจากวิธีการรับรู้รายได้ตามอัตราส่วนของงานที่ทำเสร็จเป็นวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานการรายงานทางด้านการเงินแบบใหม่ ซึ่งออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัทฯมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน -0.01 บาทต่อหุ้น ลดลงร้อยละ 113 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของที่ผ่านมา
นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า
“บริษัทฯ มีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งที่เป็นผู้นำในการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วยยอดขาย 312 ไร่ (124.8 เอเคอร์) ในไตรมาสแรก ปี 2554
ทั้งนี้ได้รวมยอดขายที่ดินให้กับบริษัทแคทเทอพิลล่าเพื่อเป็นโรงงานการผลิตจำนวน 140 ไร่ (56 เอเคอร์) ที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง (Hemaraj RIL) เพื่อรองรับการขยายกิจการในเอเชียแปซิฟิคและแอฟริกา บริษัทฯเชื่อว่าโอกาสของภาคอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นบางส่วนในการผลิตยานยนต์ที่เติบโตร้อยละ 65 ซึ่งเป็นจำนวน 1,645,000 คันในปี 2553 (ลำดับที่12 ของโลก) จากระดับที่ลดลงที่ผ่านมา ทั้งนี้ยังมีโรงงานผลิตยานยนต์และผลิตภัณฑ์เกิดใหม่อื่นๆตามมาในประเทศไทย
นับจนถึงปัจจุบันในปี 2554 บริษัทฯ เห็นโอกาสในการเติบโตของรายได้ในปีนี้ จึงมีการเพิ่มเป้าหมายยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมในปี 2554 จาก 1,200 ไร่ (480 เอเคอร์) เพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ไร่ (560 เอเคอร์)
บริษัทเหมราชฯ เริ่มต้นปี 2554 ด้วยรายได้รวมจำนวน 566 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 75 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขาดทุนสุทธิ จำนวน 33 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 104 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ลดลงมาจากการเปลี่ยนแปลงระบบมาตรฐานบัญชีในประเทศไทยในปี 2554 บริษัทฯคาดหวังว่าการรับรู้รายได้ของนิคมอุตสาหกรรมจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2554 และรายได้จากนิคมอุตสาหกรรมสำหรับปี 2554 จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ในปี 2554 บริษัทฯได้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในนิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ยังรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้แข็งแรง การลงทุนนี้ได้รวมถึงการลงทุน 4.4 พันล้านบาท ในธุรกิจพลังงานที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 35 ในโครงการเก็คโค่-วัน ที่จะเปิดดำเนินการในไตรมาสแรกของปี 2555
ด้วยกลยุทธของบริษัทในการขยายฐานรายได้และลดความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็เลือกโอกาสในการลงทุนธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว”
รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 3 เดือนแรก ปี 2554
บริษัทฯได้รับผลกระทบในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 จากการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีในประเทศไทย สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 566.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาจำนวน 2,220.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 75 โดยมีรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักจำนวน 536.0 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 76 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกปี2554 ซึ่งรวมกำไรจากนิคมอุตสาหกรรมร่วมของบริษัทฯ มีจำนวน 28.4 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 98 โดยมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 995.01 ล้านบาทด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นไปตามระบบมาตรฐานการรายงานทางด้านการเงินแบบใหม่ ซึ่งออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ จากการรับรู้ตามการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่จะรอการรับรู้ในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า
รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 286.4 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 32 รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม กำไรและเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 265.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 17 ทั้งนี้ส่วนมากเนื่องมาจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากโครงการไฟ้ฟ้าเก็คโค่ วัน รายได้จากเช่าและการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าออฟฟิสสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 125 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 116.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 52
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 254.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 68 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 105.1 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 49% และ 27% ตามลำดับ
เหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 1 ปี 2554
- บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 312 ไร่ จาก 14 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 9 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 5 ราย รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 435 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 657 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 153 รายจากจำนวน 231 สัญญา
- รายได้จากยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ลดลงเนื่องจากความล่าช้าของการรับรู้รายได้ซึ่งจะกลับมาเป็นปกติในไตรมาสที่3 ปี2554 ภายหลังจากการโอนโฉนด มีรายได้ที่รอการรับรู้เป็นจำนวน 995.01 ล้านบาท ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2554
- รายได้จากสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการควบรวมกิจการของเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชสระบุรี(Hemaraj SIL) และเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง (Hemaraj RIL) ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2553
- ในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 บริษัทฯมีสัญญาเช่าโรงงานสำเร็จรูปจำนวน 6 สัญญา รวมพื้นที่ให้เช่า 10,291 ตารางเมตร รายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 แสดงให้เห็นถึงรายได้จากการเช่าและอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้น
เหตุการณ์สำคัญหลังไตรมาส 1 ปี 2554
ในการประชุมสามัญประจำปีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2554 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจำนวน 0.03 บาทต่อหุ้น หคิดเป็นเงินปันผลทั้งหมด 0.055 บาทต่อหุ้นสำหรับผลประกอบการของปี 2553
งบดุลรวมสำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2554
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2554 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 18,469.2 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 9,416.4 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 9,052.8 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 0.68 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 3,998.6 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9
บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด
คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณบุษกร นันทวิจิตร
โทร. 0-2314-6877-9 โทรสาร 0-2318-8847
www.hemaraj.com