กรุงเทพฯ--19 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศ ระยะสั้น ที่ระดับ ‘F2(tha)’
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย และชื่อเสียงของบริษัทฯที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดบ้านเดี่ยวระดับกลาง และระดับบน ซึ่งช่วยให้บริษัทฯสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR margin) ของบริษัทฯยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงมาอยู่ที่ ร้อยละ 23 ในปี 2553 (จากร้อยละ 26 ในปี 2552) เนื่องจากภาษีธุรกิจเฉพาะและ ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น
ผลประกอบการของ LH ในปี 2553 ต่ำกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วงเดือนเมษายน และ พฤษภาคม 2553 ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาสที่สองของปี 2553 ล่าช้าออกไป อัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากผลกำไรที่น้อยลง การซื้อที่ดินที่มากขึ้น ค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึง การเพิ่มทุนในบริษัทแอล เอช ไฟแนนเชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ตาม ยอดขายเบื้องต้น (presale) ของบริษัทฯได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.5 จากปีก่อน มาอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาทในปี 2553 ทั้งนี้เป็นผลมาจากจำนวนโครงการเปิดใหม่ที่มากขึ้นในปี 2553 เมื่อเทียบกับในปี 2552 ยอดขายเบื้องต้น (presale) ของบริษัทฯมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก จากจำนวนโครงการเปิดใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และจากการที่บริษัทฯมีโครงการที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายขึ้นในปี 2554
ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเล็กน้อยในปี 2554 เนื่องจาก ผลประกอบการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น รวมถึงเงินสดที่ได้จากการขายหุ้นของบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ในเดือนมีนาคม 2554 ไม่น่าจะเพียงพอที่จะรองรับค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้น การซื้อที่ดินจำนวนมาก รวมถึงการจ่ายเงินปันผลที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนหนี้สินของ LH น่าจะเริ่มลดลงในปี 2555 เนื่องจากค่าใช้จ่ายลงทุน และ การลงทุนในกิจการอื่นๆ ที่ลดน้อยลง
อันดับเครดิตของ LH ถูกจำกัดโดยลักษณะความเป็นวัฏจักรของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานมีความผันผวนสูง ความเสี่ยงหลักในการดำเนินงานยังรวมถึง อัตราดอกเบี้ยที่กำลังเพิ่มขึ้น ราคาที่ดินที่สูงขึ้นในทำเลที่มีศักยภาพสูง รวมถึง ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่อาจเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น นอกจากนี้การลงทุนในธุรกิจอื่นๆที่สูงอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่นธุรกิจการให้บริการทางการเงิน และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ยังอาจเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราส่วนหนี้สินที่สูงอยู่แล้วในปัจจุบันในช่วงที่ธุรกิจหลักของบริษัทฯ มีการขยายตัว
แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย และกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจและสภาวะการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น น่าจะช่วยให้บริษัทฯสามารถรักษาสถานะทางการเงินให้สอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันได้ในระยะ12 ถึง 24 เดือนข้างหน้า
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้จาก การที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR margin) ของบริษัทฯ ลดต่ำลงกว่า ร้อยละ 15 อย่างต่อเนื่อง การมีผลประกอบการที่อ่อนแอซึ่งทำให้ อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ดอกเบี้ยจ่าย ลดต่ำลงกว่า 3.5 เท่า หรือการมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึง สภาพคล่องทางการเงินที่อ่อนแอกว่าที่คาด ในขณะที่การปรับเพิ่มของอันดับเครดิต อาจเกิดขึ้นได้หากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR margin) ของบริษัทฯ สูงกว่า ร้อยละ 25 อย่างต่อเนื่อง หรือ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อสินค้าคงเหลือลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่าร้อยละ 45 หรือ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (adjusted net debt to EBITDAR) ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3.0 เท่า อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเปิดเผย : การจัดอันดับเครดิตนี้ได้ถูกริเริ่มโดยฟิทช์ เพื่อประโยชน์แก่ผู้ลงทุน