กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--PRdd
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ว่า ยังอยู่ในช่วงของปรับฐานราคา โดยการปรับลงของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมาได้รับปัจจัยจากการกลับมาแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการอ่อนค่าของเงินสกุลยูโรเป็นหลัก หลังจากเอสแอนด์พี ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลกรีซอาจต้องปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนการขายทองคำของกองทุนต่างๆได้ตอกย้ำให้ราคาทองคำดิ่งลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรายงานการขายทองคำของกองทุนโซรอส ฟันด์ เมเนจเมนท์ แอลแอลซี ออกจาก กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ถึง 99% ของพอร์ตการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนกดดันให้ราคาทองคำเข้าสู่สภาวะที่ปรับตัวขึ้นได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ทางวายแอลจียังประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำในระยะนี้ยังคงเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่หนุนราคาทองคำยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นเดิม ทั้งปัญหาเงินเฟ้อ การจลาจลในตะวันออกกลาง และแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์ในระยะยาว โดยเฉพาะล่าสุดยังมีกระแสความวิตกกังวลต่อประเด็นหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ที่กำลังชนเพดานหนี้ตามกฎหมาย(ปัจจุบัน เพดานตามกฎหมายอยู่ที่ 14.30ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)และหากยังไม่มีการปรับเปลี่ยนเพดานหนี้ตามกฎหมายดังกล่าว ก็จะทำให้สหรัฐไม่สามารถใช้นโยบายทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะเหลือเพียงนโยบายทางการเงินซึ่งคงไม่เพียงพอที่จะพยุงเศรษฐกิจที่บอบบางของสหรัฐให้ผ่านพ้นไปได้ แต่หากสหรัฐมีการปรับเพดานดังกล่าวโดยสามารถใช้นโยบายทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็ตาม แต่ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงระยะยาวต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งไม่ว่าเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งก็เป็นการยากที่จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจขายทองคำออกจากพอร์ตการลงทุนจากประเด็นดังกล่าว
นางสาวฐิภา กล่าวว่า สำหรับกลยุทธิ์การลงทุนยังคงเน้นให้นักลงทุนจับตาการสิ้นสุดของการปรับฐานในระยะสั้นเพื่อเข้าสะสมทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นทางวายแอลจีประเมินจุดกลับตัวที่สำคัญของราคาทองคำไว้ที่ระดับ 1,460 และ 1,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 20,850 บาทต่อบาททอง และ 20,550 บาทต่อบาททอง