กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น
-เตรียมปรับเป้ารายได้เพิ่มหลังผนึก AI เสริมศักยภาพทางธุรกิจ
บมจ.อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น(ADAM) เทิร์นอะราวด์ หลังตัดขายธุรกิจที่ขาดทุนทิ้งไปหมด จากนี้เหลือแต่ธุรกิจที่จะสร้างกำไร มั่นใจสิ้นปีผลประกอบการพลิกมีกำไรได้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 1/2550 ยอดขาดทุนสุทธิหดลงมากเหลือเพียง 12.50ล้านบาท เปรียบเทียบจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุนถึง 28.23 ล้านบาท เผยจากนี้มุ่งสู่ 3 กลุ่มธุรกิจคือ ธุรกิจสื่อธุรกิจเอนเทอร์เทนเม้นต์ และธุรกิจเทคโนโลยี/นิวมีเดีย ล่าสุดประกาศผนึก AI ช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น(ADAM) หรือชื่อเดิม บมจ.อาร์ เค มีเดีย โฮลดิ้งส์(RK) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2550 ว่าสถานการณ์ดีขึ้นมากโดยมียอดขาดทุนสุทธิ 12.50 ล้านบาท ลดลงถึง15.73 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มียอดขาดทุนสุทธิ 28.23 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทกระเตื้องในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาได้ตัดคลื่นวิทยุลง จากเดิมที่มีจำนวน 32 คลื่น ลดลงเหลือ 8 คลื่น ทำให้สามารถบริหารค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
" หลังจากตัดขายธุรกิจขาดทุนหมดไป ธุรกิจที่เหลือก็จะสร้างกำไรให้กับบริษัท ซึ่งจะทำให้ผลรวมปลายปีน่า จะกลายมาเป็นกำไรได้แล้ว ส่วนแผนการลงทุนของบริษัท อย่างที่ผมพูดมาตลอดว่าเราเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่ลงทุน ในธุรกิจหลักๆ 3 อย่าง คือ ธุรกิจสื่อ ธุรกิจเอนเทอร์เทนเม้นต์(บางครั้งเรียกว่าอีเว้นท์) และธุรกิจเทคโนโลยี/นิวมีเดีย ทั้งหมดนี้เป็นธุรกิจที่มีพลังและเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เติบโตต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจ ที่นักลงทุนให้อัตรา P/E สูง แม้จะมีข่าวลือว่าเราจะเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ขอยืนยันว่าธุรกิจดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในความสนใจของบริษัทเลย"
ล่าสุด ADAM ได้เข้าไปซื้อกิจการ บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (AI)ซึ่งเป็นผู้นำในด้านการโฆษณาผ่านทางจอภาพในลักษณะของภาพเคลื่อนไหว 2 มิติ และ 3 มิติ และสื่อโฆษณาอื่นๆ ภายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย เช่น สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ โฮมเฟรชมาร์ท กูร์เมตมาร์เก็ตและ เอ็มบีเคเซ็นเตอร์ ซึ่งการผนวกทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกับถือเป็นการเสริม Synergy อย่าลงตัว โดยจะช่วยหนุนให้การขยายธุรกิจของบริษัทในเชิงรุกและตอกย้ำแนวนโยบายของกลุ่มในการวางเป้าหมายเป็นกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ มีเดียมาร์เก็ตติ้ง ครบวงจรอย่างชัดเจน ในการให้บริการสื่อได้ครอบคลุมทั้งในส่วนของเครือข่ายสื่อภายในห้าง สื่อ ณ จุดขาย คอนเท้นท์ อีเวนท์มาร์เกตติ้ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของดิจิตอลมีเดีย และดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งซึ่งเป็นสื่อที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในอนาคตด้วย
"เมื่อโฟกัสทั้ง 3 ธุรกิจ พบว่าธุรกิจสื่อเป็นธุรกิจที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสูงสุด จากการอยู่ในธุรกิจวิทยุ กว่า 80% ในปีก่อน กลายเป็นการอยู่ในธุรกิจสื่อโฆษณาที่เติบโตสูงของ AI ซึ่งน่าจะคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ในปีนี้แทน นั่นคือเราตัดสื่อเก่าที่เสื่อมค่าลงทุกวัน และ embrace สื่อใหม่เข้ามาแทน นี่ยังไม่รวมถึง New Media พวกอินเทอร์เน็ต หรือโทรศัพท์มือถือที่ทำผ่าน Smile อยู่แล้ว"
เขากล่าวต่อว่าภายหลังการรวมซื้อขายหุ้นระหว่าง ADAM และ AI เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด ในส่วนของ ผลประกอบการจะเติบโตขึ้นอย่างเด่นชัด เนื่องจากยอดขายของ AI อยู่ในสัดส่วนสูงถึง 50% ของรายได้บริษัท โดยปีนี้คาดว่าจะต้องขยายเป้ารายได้เพิ่มจาก 200 ล้านบาทขึ้นเป็น 250 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้อง กับรายได้ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา (ปีนี้ AI ประเมินว่าจะมีรายได้ 100 ล้านบาท ในไตรมาสแรกมีรายได้ 25 ล้านบาทและธุรกิจของบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 50%)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ขนิษฐา โรจน์ทนง 081-8014290 / 083-9828244